EVEANDBOY ดึง “มาร์ค ต้วน” กรุยทางเปิดตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

22 มี.ค. 2566 | 22:06 น.

EVEANDBOY เขย่าตลาดบิวตี้ เปิดตัว “มาร์ค ต้วน” นั่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก พร้อมทุ่ม 200 ล้านบาทอัดการตลาดทุกแชนแนลหวังสร้างชื่อ เปิดทางลุยตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

ตลาดความงามหลังโควิดฟื้นตัวเต็มที่ จับตา “เมคอัพ” ทวงคืนเบอร์ 1 จาก "สกินแคร์"  EVEANDBOY เปิดเกมรุกตลาดเต็มสปีด ทุ่มงบ 200 ล้านบาทดึง “มาร์ค ต้วน” นั่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก พร้อมอัดแคมเปญ “EVEANDBOY SHINING THE UNIVERSE” ปักหมุดชื่อแบรนด์ในเวทีโลกก่อนลุยตลาดต่างประเทศตามแผน 5 ปี

นายหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด

นายหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด เปิดเผยว่า  สำหรับปี 2566 ภาพรวมของ Beauty Store น่าจะกลับมาคึกคักกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเพราะเพราะผู้เล่นในตลาดอัดแคมเปญการตลาดอย่างเข้มข้น ขณะที่ consumer มีความรู้มากขึ้น มีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่หลากหลายมากขึ้นทำให้ภาพรวมตลาดเติบโตขึ้น โดยเฉพาะแคตากอรี่เมคอัพ ที่จะเติบโตสูง 70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งได้รับเอฟเฟคเยอะในช่วงโควิด ดังนั้นปีนี้เป็นไปได้ที่เมคอัพจะกลับขึ้นมาใหญ่กว่าสกินแคร์ที่ครองสัดส่วนการตลาดใหญ่ที่สุดในช่วงโควิด

 

สำหรับ อีฟแอนด์บอย เห็นทิศทางการเติบโตในแนวบวกตั้งแต่ต้นปี 2566 โดยสามเดือนแรกมีตัวเลขที่เติบโตขึ้นมากกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2565 และเมื่อเทียบกับปี 2564 โตขึ้นมากกว่า 20% สัดส่วนลูกค้ายังคงเป็นคนไทย 90% ต่างชาติ 10%

EVEANDBOY ดึง “มาร์ค ต้วน” กรุยทางเปิดตลาดประเทศเพื่อนบ้าน
“ลูกค้าต่างชาติเรามีไม่เยอะประมาณ 10% และในช่วงโควิดแทบจะไม่มีเลย หลักๆแล้วลูกค้าเราเป็นโลวคอลและที่ผ่านมาไม่เคยทำตลาดสำหรับลูกค้าต่างชาติเลย แต่ในปีนี้เราจะกลับมาทำการตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งภายใต้แคมเปญ “EVEANDBOY SHINING THE UNIVERSE” อีฟแอนด์บอย โดยมี “มาร์ค ต้วน” เป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์คนแรกของอีฟแอนด์บอย พร้อมกับการตลาดที่เข้มข้นรันยาว 6 เดือน ทั้งสื่อบนรถไฟฟ้า เอาท์ออฟโฮม TVC และออนไลน์ครบทุกแชนแนล ภายใต้งบกว่า 200 ล้านบาทซึ่งเป็นการใช้ media เยอะที่สุดเท่าที่เท่าที่เคยทำมา 17 ปี จากปกติเราจะใช้สื่อทั้งปีประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อปี”

 

ทั้งนี้ผู้บริหารมองว่า แคมเปญการตลาดนี้จะทำให้คนรู้จักแบรนด์ อีฟแอนด์บอย มากขึ้นรวมทั้งรู้จักเครื่องสำอางแบรนด์ไทยมากขึ้นแต่อาจจะไม่ได้ช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากนักเพราะปัจจุบันยังไม่มี บิวตี้ สโตร์ ในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นน่าจะมีการเติบโตของลูกค้าต่างชาติแค่ 15% จากเดิม เพราะนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีนมีความชื่นชอบเครื่องสำอางไทยเป็นทุนเดิม การเข้ากลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนน่าจะมีส่วนช่วยขยายตลาด ขณะเดียวกันการมี “มาร์ค ต้วน” เป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ น่าจะช่วยให้ชื่อของอีฟแอนด์บอย เป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศซึ่งจะมีช่วยในการขยายตลาดต่างประเทศตามแผน 5 ปีที่เคยประกาศก่อนหน้านี้

EVEANDBOY ดึง “มาร์ค ต้วน” กรุยทางเปิดตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

 

ผู้บริหารกล่าวต่อไปว่า สำหรับ อีฟแอนด์บอย ค่อนข้างชัดเจนในเรื่องของแบรนด์ที่มีการรวมโลโคลแบรนด์และอินเตอร์แบรนด์ไว้ในที่เดียวกันครอบคลุมทุกระดับราคา มีสินค้าในร้านมากกว่า 1แสนSKU ภายใต้ Contribution ใน 3 session คือ Prestige  30%,Masstige 30%,และMass 30% เพื่อสร้างความแตกต่างซึ่งในสตลาดประเทศไทยมีแค่อีฟแอนด์บอยเจ้าเดียวที่ใช้โมเดล Mix-Contribution นี้ทำให้การแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดค่อนข้างมีความได้เปรียบเพราะไม่มีคู่แข่งทางตรง 100% ซึ่งจะเป็นจุดแข็งของ อีฟแอนด์บอย