เอ็กซ์โปลิงค์ จัดใหญ่ “Kind + Jugend ASEAN 2023” หนุนส่งออกสินค้าแม่และเด็ก

14 มี.ค. 2566 | 22:12 น.

“เอ็กซ์โปลิงค์” เล็งโอกาส ตลาดส่งออกสินค้าแม่และเด็กแนวโน้มโตสูง จัดงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” หนุนส่งออกสินค้าแบรนด์ไทยตีตลาดอาเซียน คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

“เอ็กซ์โปลิงค์” ขยายพอร์ตงานแสดงสินค้าไทย พาเหรดบิ๊กอีเวนต์จาก "โคโลญเมสเซ่" ตีตลาดไทย-อาเซียน ประเดิมรับซัมเมอร์  “Kind + Jugend ASEAN 2023” งานแสดงสินค้าแม่และเด็กจับตลาด B2B หนุนผู้ประกอบการไทยเพิ่มโอกาสส่งออกมากขึ้น คาดการณ์มูลค่าการเจรจาธุรกิจในงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทจาก200 แบรนด์ใน15 ประเทศ 

นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า“เอ็กซ์โปลิงค์” ต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยนำเข้างานแสดงสินค้าจาก "โคโลญเมสเซ่" เข้ามาจัดในประเทศไทย หนึ่งในงานที่น่าสนใจคือ งานแสดงสินค้าแม่และเด็ก เพราะประเทศไทยมีแนวโน้มการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ กว่า 4 หมื่นล้านบาท

 

ในขณะที่ตลาดในประเทศไทยเองมีจำนวนโรงเรียนนานาชาติไม่ต่ำกว่า 200 แห่ง และแม้ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ เด็กเกิดน้อยลงก็ตามแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคกลับมีการใช้จ่ายสำหรับเด็กหนึ่งคนสูงขึ้นกว่าในอดีต 

เอ็กซ์โปลิงค์ จัด“Kind + Jugend ASEAN 2023” เพิ่มช่องส่งออกสินค้าแม่และเด็ก

เพื่อสอดรับกับโอกาสการเติบโตของตลาดสินค้าแม่และเด็กบริษัทจึงนำงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023”  เข้ามาจัดในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ กว่า 200 แบรนด์จาก 15 ประเทศเช่น ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และจีน และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,000 จากประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และโดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน +3 +6 อย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

 

ผลิตภัณฑ์หลักๆที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ของเล่นเสริมพัฒนาการและเพื่อการศึกษา, เสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขลักษณะแม่และเด็ก, ผลิตภัณฑ์เก้าอี้เด็ก รถเข็น และเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องแต่งกายแม่และเด็กผลิตภัณฑ์อุปกรณ์, ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็ก, อัจฉริยะสำหรับเลี้ยงเด็ก รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย สื่อและสมาคมต่าง ๆ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของงานนี้มีทั้งกลุ่มผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค่าส่ง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ผู้ค้าออนไลน์ โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์เลี้ยงเด็ก ฯลฯ ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการบุกและขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็ว

เอ็กซ์โปลิงค์ จัด“Kind + Jugend ASEAN 2023” เพิ่มช่องส่งออกสินค้าแม่และเด็ก

นอกจากนี้ยังมีการจัดเซ็คชั่น Business Matching เจรจาจับคู่ทางธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เวทีสัมมนา Trend Forum กว่า 10 หัวข้อ จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและการประกวดนวัตกรรมสินค้าสำหรับเด็ก Innovation Award          

“งานแม่และเด็กมีหลายมิติที่น่าสนใจหลายด้าน แต่เราต้องการเริ่มต้นจากฝั่ง B2B ก่อนเพราะในเมืองไทยยังไม่มีงานแสดงสินค้าแม่และเด็กสำหรับ  B2B จริงจัง ตอนนี้เรางานมีความคืบหน้าแล้ว 90% ทั้งการตลาดและอื่นๆ โดยใช้งบประมาณในการจัดงาน10-15ล้านบาท สำหรับการจัดงานครั้งแรกนี้เราตั้งเป้ามีคีย์บายเออร์เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า3,000-5000คน  และวันสุดท้ายคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานไม่ต่ำกว่า1-2 หมื่นคน สร้างมูลค่าการซื้อขายภายในงานประมาณ 800-1000 ล้านบาท”

 

ด้าน นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมสินค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทยครอบคลุมสินค้าหลายประเภทและหลายช่วงอายุ สิ่งที่สำคัญมากคือความปลอดภัย การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ดังนั้นผู้ประกอบไทยที่ต้องการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก มีความปลอดภัยและต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  เพราะพ่อแม่ยุคใหม่ยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 15% ซึ่งสัดส่วนการใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 30% ของค่าใช้จ่าย เป็นส่วนการซื้อของเล่นอยู่ประมาณ 10%สูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตไม่เกิน 5%



อย่างไรก็ตามปัจจุบันสินค้าในกลุ่มของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย จะเน้นการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป เยอรมัน ญี่ปุ่น อังกฤษ และจีน เป็นหลักส่วนการบริโภคในประเทศไทยยังเป็นส่วนน้อย เพราะพ่อแม่เด็กยังมองว่าสินค้านำเข้าดีกว่าสินค้าของไทย

“ตลาดส่งออกสามารถขยายได้ ถ้าผู้ประกอบการทำเรื่องดีไซน์และความปลอดภัยได้ เพราะคุณภาพเราเป็นที่ยอมรับในระดับโลกอยู่แล้ว มูลค่าการส่งออกในปี 2564-2565ไทยมีการเติบโตสูงถึง 15% รายได้ 9800ล้านบาท เนื่องจากจีนปิดประเทศ ทำให้ตลาดสำคัญอย่างอเมริหาหันมานำเข้าจากไทยมากขึ้น และในปี 2566 นี้คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะไม่ต่ำกว่า 10% และมูลค่าอาจแตะหมื่นล้านบาทได้”

 

ขณะที่ ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีงานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและพัฒนาการเด็กจำนวนมาก แต่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าทางธุรกิจได้ อพวช. เชื่อว่าการนำนิทรรศการเคลื่อนที่ (Traveling exhibition) จากแสดงในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 นอกจากจะทำให้เด็กเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานไปพร้อมความสนุกที่มาจากการสร้างพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัยแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งนักธุรกิจจากต่างประเทศเข้าถึงงานวิจัยและนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ในอนาคต 

 

“ เราคาดหวังว่าองค์ความรู้จากการวิจัยของนักวิจัยและนักสื่อสารงานวิจัยกว่า 60 คนที่เรามีจะสามารถส่งออกและขายองค์ความรู้เหล่านี้ได้ เราต้องการมองหาคู่ค้าและพันธมิตรเข้ามานำงานวิจัยของเราไปขึ้นห้าง ไม่ต่ำกว่า 10 พันธมิตรในปีนี้ และเราพร้อมที่จะโกอินเตอร์เอานิทรรศการเคลื่อนที่ (Traveling exhibition) ไปจัดแสดงในต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมของเล่นและการละเล่นจากภูมิปัญญาไทยให้เป็นที่รู้จักและถูกใช้เป็นเครื่องมือเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก