“เบทาโกร” โตยกแผงฟาดกำไร 7,938 ล้านบาท

02 มี.ค. 2566 | 00:30 น.

"เบทาโกร"มาถูกทาง ’World-Class Branded Food Company’ ดัน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เกษตร-อาหารและโปรตีน -ต่างประเทศ-สัตว์เลี้ยง ปี2565เติบโตฉลุย 7 เท่าตัว รับทรัพย์ 113,877 ล้านบาท กำไร7,938 ล้านบาท

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” โชว์ผลงานปี 2565 รายได้รวม 113,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3%  กำไรสุทธิ 7,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าตัวจากปี 2564 จากการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ World-Class Branded Food Company หนุนการเติบโตใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง 

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ปี 2565 เบทาโกร ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ ’World-Class Branded Food Company’ ส่งผลให้ มีรายได้รวม 113,877 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 7,938 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/2565 (ตุลาคม - ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้รวม 30,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหนุนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,796 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.0% เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลประกอบการดังกล่าวมาจากการเติบโตของรายได้ทั้ง 4 กลุ่มได้แก่ 

1) กลุ่มธุรกิจเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น 

2) กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป ทั้งในประเทศและตลาดส่งออก 

3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เติบโตจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายของอาหารสัตว์ และสัตว์ที่มีชีวิตทั้งในประเทศกัมพูชาและประเทศลาวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

4) กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง เติบโตทั้งปริมาณการขายและราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยงตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิต และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายสูงขึ้น 

"กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิในปี 2565 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น บวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ได้ประโยชน์จาก Economy of Scale ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ทำให้กำไรขั้นต้นขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.7% จาก 11,164 ล้านบาทในปี 2564 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19.3% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 13.1% ในปี 2564 จากการปรับราคาสินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป รวมทั้งยังมาจากรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น"

“เบทาโกร” โตยกแผงฟาดกำไร 7,938 ล้านบาท

ขณะที่  EBITDA  อยู่ที่ระดับ 14,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.1% จาก 5,690 ล้านบาทในปี 2564 โดยบริษัทฯ มีอัตรา EBITDA อยู่ที่ 12.7% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 6.6% ในปี 2564 จากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้น และอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน และจากการปรับราคาผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้ ที่ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย