"DKSH" ทุ่ม 200 ล้านบาท ปั้น HUB R&D ยา-เครื่องสำอาง

28 ม.ค. 2566 | 10:30 น.

“ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี" ซุ่มลงทุน 200 ล้าน สร้างศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และ ศูนย์สอบเทียบ หวังขึ้นแท่น HUB R&D เอเชีย

บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด ส่งบริษัทลูก ดีเคเอสเอช ไซแอนทิฟิค (DKSH Scientific) ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เปิด DKSH DEMONSTRATION LABORATORY "ศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์" และ "ศูนย์สอบเทียบ" ใหญ่ที่สุดในไทย

การลงทุนในครั้งนี้ผู้บริหาร โอลิเวอร์ แฮมเมล รองประธานบริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า เป็นการล้อไปกับแผนผลักดันให้ประเทศไทยสู่การเป็น HUB ด้านผู้นำการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) และศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์ของทวีปเอเชียตามนโยบายของรัฐที่ได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศเป็นจำนวนมาก

ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (Technology Management Center - TMC) และศูนย์วิจัยแห่งชาติ 5 แห่ง ได้แก่ BIOTEC, MTEC, NECTEC, NANOTEC, ENTEC, สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) และอีกหลากหลายหน่วยงานทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน

"DKSH" ทุ่ม 200 ล้านบาท ปั้น HUB R&D ยา-เครื่องสำอาง

ประกอบกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กว่า 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาวัคซีนหลายแขนงไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งฐานการผลิต ระบบโซลูชันในการบริหารจัดการวัคซีน เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา "ดีเคเอเอสเอช ไซแอนทิฟิค" เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนภารกิจการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ทั้งการพัฒนารถตรวจเชื้อเคลื่อนที่ โซลูชันในการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวต่างๆ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการวิจัยพัฒนาและการผลิต ที่สำคัญมีรากฐานทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียที่ยาวนานกว่า 150 ปี

"DKSH" ทุ่ม 200 ล้านบาท ปั้น HUB R&D ยา-เครื่องสำอาง

จากเหตุผลดังกล่าว เชื่อว่า บริษัทสามารถเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางค้นคว้าวิจัยและพัฒนาและเป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์ของเอเชียได้ด้วยการลงทุนสร้าง "DKSH DEMONSTRATION LABORATORY" ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และ ศูนย์สอบเทียบ ใจกลางเมืองบนถนนสุขุมวิท บนเนื้อที่กว่า 2,260 ตร.ม. ที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในไทยด้วยเม็ดเงินลงทุน 200 ล้านบาท

"เรามั่นใจว่า เรามีความสามารถในการต่อยอดศักยภาพของประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของงานค้นคว้าวิจัยและพัฒนา (Research and Development - R&D) ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านวัคซีนเท่านั้นแต่ยังรวมถึงด้าน อุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และ สินค้าอุปโภคบริโภค

ภายในแล็บฯ จะให้บริการด้านวิทยาศาสตร์การค้นคว้าวิจัยและพัฒนา 4 กลุ่มงาน ได้แก่ General Laboratory Equipment กลุ่มเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วไปประจำห้องปฎิบัติการ Analytical Instrumentation กลุ่มเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ด้านกายภาพ และการทดสอบขั้นสูง Life Science กลุ่มเครื่องมือวิเคราะห์ด้านชีววิทยา เครื่องมือแพทย์ และสุดท้าย Microbiology ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยา "

ด้านนายสมชัย ชาครศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์ของบริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การนำของ โอลิเวอร์ แฮมเมล ที่เคยผลักดันให้หน่วยธุรกิจเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดมาก่อน

ทางบริษัทฯ ได้มองเห็นศักยภาพด้านงานวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยที่สามารถเติบโตสู่การเป็นฮับด้าน R&D ระดับโลกไม่แพ้ประเทศไหนจึงเข้ามาทำหน้าที่พัฒนาธุรกิจในประเทศไทย และมั่นใจว่าหากทาง ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี ได้ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคการศึกษา และบริษัทเอกชนชั้นนำในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียได้ในที่สุด