“เบโค” นับหนึ่งโหมการตลาดชิงแชร์เครื่องใช้ไฟฟ้าไทย

11 พ.ย. 2565 | 06:07 น.

“เบโค” เตรียมโหมการตลาดสร้างการรับรู้บุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยเต็มสูบ ควบคู่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆกระชับพื้นที่หลายเซ็กเมนต์ พร้อมยกไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกเอเชียแปซิฟิกดันยอดส่งออกเพิ่ม

“เบโค” แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติตุรกีอาจไม่เป็นที่คุ้นหูสำหรับคนไทยมากนัก แต่สำหรับยุโรปและอเมริกา “เบโค” นับเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและติดอันดับ 1 ใน 3 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดใหญ่ในยุโรป ขณะที่ประเทศไทย “เบโค” เริ่มเริ่มธุรกิจในไทยมากว่า 8 ปีนอกจากการขายสินค้าแล้วยังมีโรงงานผลิตที่จังหวัดระยองซึ่งถือเป็นฐานการผลิตเพื่อรองรับตลาดไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค สหรัฐอเมริกา แอฟริกา แคนาดา และยุโรป 

“เบโค” นับหนึ่งโหมการตลาดชิงแชร์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา “เบโค” ไม่ได้ให้น้ำหนักกับการตลาดมากนักทำให้ แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งล่าสุดผู้บริหารมองว่า ได้เวลาที่ “เบโค” จะแจ้งเกิดเป็นที่รู้จักและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยแล้ว ผ่านการทำแคมเปญการตลาดผ่านพรีเซนเตอร์ที่เคยไม่เคยทำมาก่อน

 

นายอุทกู บาริช พาซาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านกลยุทธ์และงานดิจิทัล บริษัท อาร์เซลิก เปิดเผยว่า “เบโค (Beko) คือ 1 ใน 3 แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดใหญ่ในยุโรป ภายใต้เครือ อาร์เซลิก (Arçelik) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมองว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลในอนาคต

“เบโค” นับหนึ่งโหมการตลาดชิงแชร์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย

โดยเฉพาะในประเทศไทย ด้วยศักยภาพการผลิตและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ประกอบกับการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีทำให้ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคของผลิตภัณฑ์เบโค (Beko) ซึ่งบริษัททุ่มงบประมาณลงทุนฐานผลิตโรงงานในประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท หรือประมาณ 166 ล้านเหรียญยูโรในจังหวัดระยอง

 

 

ปัจจุบันมีกำลังการผลิตตู้เย็นจำนวน5 รุ่นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการทำตลาดในประเทศไทย 1,080 หน่วยต่อวัน เฉลี่ยชั่วโมงละ 120 ตู้ หรือ600,000 หน่วยต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 750,000 หน่วยภายในปี 2024 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (APAC) รวมถึงสหรัฐอเมริกา กลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) และยุโรปได้กว้างขวางขึ้น โดยสัดส่วนการขายปัจจุบันแบ่งเป็นส่งออก80%และจำหน่ายในไทย 20% 

 

 

“เราเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในตุรกีและยุโรปและเซาท์แอฟริกาและตะวันออกกลาง เรามองว่าไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะภูมิภาคนี้มีการขยายตัวของคนชั้นกลางมากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะใช้จ่ายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น วันนี้เรามีตู้เย็นพรีเมียมไลน์ใหม่ รองรับความต้องการหลากหลาย และโรงงานที่จังหวัดระยองเป็นฐานการผลิตที่สำคัญโดยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของแบรนด์ “อาเซลิก” เพื่อส่งออกไปยังอเมริกา  ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และรองรับความต้องการของคนในภูมิภาคนี้ด้วย เราได้ลงทุนไป 3.5 ล้านยูโรเพื่อทำให้สามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นและกลายเป็นผู้นำตู้เย็นทั้งในไทยและภูมิภาคนี้ ”

“เบโค” นับหนึ่งโหมการตลาดชิงแชร์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย

 

นอกจากนี้ “เบโค” ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ "เคารพโลก เพื่อเป็นที่เคารพทั่วโลก” ของอาร์เซลิก โดยตั้งเป้าผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น  และลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งในประเทศไทย “เบโค” ดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนแก่โลกโดยเน้นไปที่ประสิทธิภาพพลังงานและน้ำ การใช้วัสดุรีไซเคิล หมุนเวียนกลับมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค

 

เช่นโรงงานที่จังหวัดระยองเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลกซึ่งมีการจัดการโรงงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยใช้ไฟ LED ทั้งหมดในโรงงาน ในฤดูฝนมีการใช้แทงค์กักเก็บน้ำเพื่อนำมาใช้ในการรักษาภูมิทัศน์รอบโรงงานทำให้ประหยัดน้ำได้40%  และใช้โซล่ารูฟเข้ามาช่วยเพิ่มเติมโดยไฟฟ้า 15-20%ที่ใช้ในโรงงานมาจากโซล่ารูฟ  ส่วนเศษเหล็กจากไลน์การผลิตบางส่วนจะถูกนำมาบดผสมกับ material ใหม่และบางส่วนขายออกไปให้กับบริษัทที่นำไปรีไซเคิลต่อ นอกจากนี้ยังมีการใช้ไบโอพลาสติกและพาสติกทดแทนเช่น กระดาษรีไซเคิลใช้รองบรรจุภัณฑ์

 

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ มีการใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนเข้ามาผลิตสินค้าใหม่ๆเช่น นวัตกรรมHarvestFresh™ ในตู้เย็นซึ่งจะช่วยรักษาคุณค่าของวิตามินในผักและผลไม้ ซึ่งจะทำให้คงความสดได้นานยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีจำลองการสังเคราะห์แสงอาทิตย์ 24 ชั่วโมง แสงสีฟ้าแทนแสงอาทิตย์ช่วงเช้า แสงสีเขียวแทนแสงอาทิตย์ช่วงบ่าย แสงสีแดงแทนแสงอาทิตย์ช่วงเย็น และไฟดับคือช่วงกลางคืน ช่วยคงคุณค่าวิตามินของผักผลไม้ให้นานยิ่งขึ้น ตู้เย็นรุ่นนี้จะเริ่มวางตลาดในต้นปี 2023 โดยจะจำหน่ายในตลาดอเมริกา เอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และยุโรป

 

ด้าน นายแอเรียล อทากูล ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค บริษัท เบโค ไทย จำกัด กล่าวต่อว่า ตลาดประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว 18%ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าและตู้เย็นที่เติบโตกว่า 12% สอดคล้องกับธุรกิจของ เบโค ที่มีผลิตภัณฑ์หลักในการบุกตลาดเอเชียแปซิฟิคคือตู้เย็น ซึ่งมียอดขายมากกว่า 40% รองลงมาจะเป็นเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน และเตาอบ แม้ว่าในปี 2022 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกธุรกิจเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 อย่างไรก็ตามเบโคยังสามารถทำยอดขายเติบโตเฉลี่ย  25% และตั้งเป้าเพิ่มการเติบโตสองเท่าภายในปี 2024 

 

โดยปัจจัยที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายคือการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อาทิ ตู้เย็น NutriFreeze/ HarvestFresh™ แบบ 2 ประตู ตู้เย็นขนาดใหญ่แบบบานคู่ และแบบหลายประตู ตามมาด้วยเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และเครื่องล้างจานประหยัดพลังงานและน้ำ ตลอดจนกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เตาไฟฟ้าที่มาพร้อมเครื่องดูดควันในตัว และเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่พร้อมเทคโนโลยี GoClean 

 

ขณะเดียวกันสถานการณ์โควิดได้เปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภค และทำให้พวกเขามีความรู้สึกมั่นใจกับการซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์มากขึ้นโดยเฉพาะฐานลูกค้าในกลุ่ม GenZ  ทำให้ยอดจับจ่ายทางออนไลน์สำหรับเครื่องใช้ในครัวเรือนเติบโตจาก 82 ล้านดอลลาร์เป็น 100ล้านดอร์ลาร์ เติบโต 18% ส่งผลให้แบรนด์ต้องวิเคราะห์พฤติกรรมการเลือกซื้อที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาบนแพลตฟอร์มดิจิทัล หลังจากนี้บริษัทจะให้น้ำหนักกับ การทำการตลาดแบบออมนิแชนแนล ผ่านโซเชียลมีเดียคอนเทนต์เพื่อรักษาฐานลูกค้ารวมทั้งเพิ่มอแวร์เนสผ่านการใช้พรีเซนเตอร์และอินฟูลเลนเซอร์และเพิ่มความสมบูรณ์แบบของสโตร์ เพื่อขึ้นเป็นท็อปออฟมายด์แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเพิ่มความแข็งแกร่งทุกโพรดักซ์เพื่อให้แบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“เบโค” นับหนึ่งโหมการตลาดชิงแชร์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย

 “ธุรกิจของเราในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีผลิตภัณฑ์หลักสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนี้คือตู้เย็น ซึ่งมากถึง 40% ของยอดขายทั้งหมด ตามด้วยเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจานและเตาอบ ที่ผ่านมาภาพรวมบริษัทเติบโตถึง 20% ในปี 2564 และตั้งเป้าเติบโต 37% ในปีนี้ (2022) โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ


ในปีนี้สำหรับแบรนด์“เบโค” ในประเทศไทย ตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งการตลาดถึง 5.3% ในส่วนของตู้เย็น 2 doors top freezer 7.5% ในส่วนของตู้เย็น side-by-side และ 13.5% ในส่วนของ Combi ในส่วนของตู้เย็น 2 doors top freezer นั้นเราต้องการให้ 300-399I ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี HarvestFresh ให้ได้มีส่วนแบ่งการตลาด 12% ภายในปีนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องซักผ้า เราตั้งเป้าว่าเราจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 9% ทั้งในส่วนของเครื่องซักผ้าฝาหน้า และประเภทเครื่องซักผ้าที่มีเครื่องอบตัวเดียวกัน โดยผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าเหล่านี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีเรือธง Aquatech และ steamcure อีกทั้งตู้เย็นพรีเมี่ยมใหม่ที่จะเปิดตัวปีนี้เราตั้งเป้าที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากขึ้นอีก 40% คือมากกว่า 700 ร้านผ่านความสัมพันธ์ที่แข็งแรงของเรากับทั้งคู่ค้าปัจจุบันและคู่ค้าใหม่ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน”