กระหึ่ม “เซ็นทรัล” เปิดตัวห้างสุดหรู “ลามาร์” แบรนด์ใหม่ในรอบ 80 ปีของยุโรป

08 พ.ย. 2565 | 05:59 น.

กลุ่มเซ็นทรัลจับมือซิกน่า เปิดตัวห้างหรู “ลามาร์” แลนด์มาร์ก ใจกลางกรุงเวียนนา ออสเตรีย ถือเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรีแบรนด์ใหม่ครั้งแรกในรอบกว่า 80 ปีของยุโรป

ประกาศแผนลงทุนสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเวียนนาเมื่อ 2 ปีก่อน ล่าสุดกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าจัดงานฉลองประกาศชื่อห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ “ลามาร์” (LAMARR) นับห้างสรรพสินค้าลักชัวรีแบรนด์ใหม่ที่ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 80 ปีในยุโรป

 

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ห้างลามาร์ เมืองเวียนนา นับเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งที่ 5 ของกลุ่มคาเดเว ซึ่งประกอบด้วย ห้างคาเดเว (KaDeWe) เมืองเบอร์ลิน, ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpolliger) เมืองมิวนิก, ห้างอัลสเตอร์เฮาส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก, และ ห้างคาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี

 

สำหรับชื่อ “ลามาร์” ได้แรงบันดาลใจจาก เฮดี้ ลามาร์ (Hedy Lamarr) นักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดในตำนานซึ่งเป็นไอคอนของชาวออสเตรีย ในยุคศตวรรษที่ 20 ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลก ชื่อของห้างลามาร์จึงไม่เป็นเพียงแค่การรำลึกถึงเธอ แต่ยังเสมือนการนำพา เฮดี้ ลามาร์ กลับสู่อ้อมกอดของชาวออสเตรีย

ห้างลามาร์

“ผมมีความภาคภูมิใจที่ห้างลักชัวรีแห่งใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัล ได้รับเกียรติให้ใช้ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ผู้เป็นที่รักของทุกคนโดยเฉพาะชาวออสเตรีย ทั้งในฐานะไอคอนฮอลลีวูดที่โด่งดังระดับโลก และนักประดิษฐ์ผู้บุกเบิกซึ่งมีพรสวรรค์ไม่เหมือนใคร ความเพียบพร้อมโดดเด่นในหลากหลายแง่มุมของเฮดี้ ลามาร์ สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงเอกลักษณ์ของโปรเจกต์เวียนนา

 

นอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ชั้นนำระดับโลกแล้ว ยังจะสร้างความประทับใจเหนือระดับผ่านเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และการส่งมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบลักชัวรี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า”

 

นายอังเดร เมเดอร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มคาเดเว กล่าวว่า ห้างลามาร์ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่น่าภาคภูมิใจของเวียนนา และยังเป็นการต้อนรับเฮดี้ผู้เป็นไอคอนคนสำคัญในบ้านเกิดของเธอ เฮดี้ทั้งฉลาด สวย น่าหลงใหล และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้สร้างตำนานที่ทำให้พวกเราโดยเฉพาะชาวเวียนนารำลึกถึงจวบจนปัจจุบัน

 

ห้างลามาร์จะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและผลงานของเฮดี้ โดยการออกแบบของ โอ.เอ็ม.เอ (O.M.A.) บริษัทสถาปนิกชื่อดัง และการจัดสรรของ ดาเนียล สเปอร่า (Danielle Spera) อดีตผู้อำนวยการของ Jewish Museum ในกรุงเวียนนา โดยผู้มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศ และสามารถเข้าถึงชีวิตของเฮดี้ ใน Museum Café บนชั้น 5 ของห้างลามาร์ และพบภาพบนโปรเจคเตอร์ ซึ่งเป็นภาพถ่ายหรือถ้อยคำของเธอตามจุดต่างๆ ภายในห้าง

ห้างลามาร์

โครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ บนถนน มาเรียฮิลเฟอร์ สตรัส (Mariahilfer Straße) เมื่อแล้วเสร็จจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 58,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้างลามาร์ ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้าสีเขียวกว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นลานอเนกประสงค์เพื่อสาธารณะ

 

โดยห้างลามาร์จะมี 8 ชั้น พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ส่วนโรงแรม ทอมป์สัน เวียนนา มี 150 ห้อง มุ่งเน้นการบริการด้านอาหารเป็นพิเศษเพื่อเป็นจุดหมายใหม่ของเหล่านักชิมและนักเดินทาง  โดยผู้มาเยือนสามารถนั่งรับประทานอาหารบนระเบียงทางเชื่อมระหว่างโรงแรมกับห้างลามาร์พร้อมชมบรรยากาศสวนลอยฟ้า ในส่วนของล็อบบี้สามารถเป็นจุดพบปะสังสรรค์ หรือนั่งทำงานแบบ co-working โดยรองรับได้ถึง 170 ที่นั่ง โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา ได้ถูกออกแบบให้มีความร่วมสมัยและผสมผสานเอกลักษณ์ของเมืองเวียนนาไว้อย่างลงตัว

 

ห้างลามาร์ได้รวบรวมพันธมิตรลักชัวรี่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton), กุชชี่ (Gucci), พราด้า (Prada), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta) และแบรนด์ชั้นนำของออสเตรีย พร้อมสินค้าเครื่องประดับ สินค้าตกแต่งบ้าน อาหาร บริการด้านสุขภาพและสปา รวมทั้ง พื้นที่ จัดกิจกรรม พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ มาไว้ในโครงการ ทั้งนี้ ห้างลามาร์และโรงแรมทอมป์สันคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567

 

ประวัติ “เฮดี้ ลามาร์”

เฮดวิก คีส์เลอร์ (Hedwig Kiesler) เกิดในปี พ.ศ. 2457 ที่กรุงเวียนนา และต่อมาในปี พ.ศ. 2476 เธอได้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักแสดงจากบทบาทนำสมัยในภาพยนตร์เรื่อง Ecstasy ก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปยังฮอลลีวูด ในปี พ.ศ. 2480 เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็นเฮดี้ ลามาร์ ตามคำแนะนำของหลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และ ผู้ร่วมก่อตั้งเอ็มจีเอ็ม (MGM)

กระหึ่ม “เซ็นทรัล” เปิดตัวห้างสุดหรู “ลามาร์” แบรนด์ใหม่ในรอบ 80 ปีของยุโรป

เฮดี้เปิดตัวในฮอลลีวูดครั้งแรกกับภาพยนตร์เรื่อง Algiers ที่ทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งนี้ ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ได้ถูกจารึกอยู่ที่ Hollywood Walk of Fame ในปี พ.ศ. 2503 หนึ่งในประโยคเด็ดของเฮดี้ซึ่งเป็นที่จดจำก็คือ “เงินมีไว้ใช้ คนส่วนใหญ่เอาแต่ประหยัดเงินเพื่อเก็บไว้ให้คนอื่น เราควรใช้เงินเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง”

 

นอกจากความงามอันสะดุดตา และทักษะด้านการแสดงแล้ว เฮดี้ยังมีความสามารถในฐานะนักประดิษฐ์อีกด้วย ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นวิธีส่งคลื่นวิทยุนำวิถีที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับของฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่พัฒนามาเป็นไวไฟ และ บลูทูท ในเวลาต่อมา ทำให้ในปี พ.ศ. 2557 เฮดี้ ลามาร์ ได้รับการบรรจุชื่อใน National Inventors Hall of Fame นอกจากนั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 กรุงเวียนนาได้จัดให้มีรางวัลเฮดี้ ลามาร์ เพื่อมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์สตรีที่มีผลงานโดดเด่นเพื่อรำลึกถึงอัจฉริยภาพของเธอ

 

ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัล ยังเป็นผู้นำห้างสรรพสินค้าและลักชัวรี่ รีเทลระดับโลก ด้วยเครือข่ายห้างสรรพสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง และ 120 สาขา  บริษัทหลักในเครือของกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจค้าปลีกหลากหลายรูปแบบและประเภทสินค้า ในไทย เวียดนาม และอิตาลี

ทศ จิราธิวัฒน์

บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส รายใหญ่ของไทย ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่ครอบคลุมทั้ง ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ทั่วประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้; บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ตชั้นนำ กว่า 60 แห่งในหลายประเทศ และร้านอาหารอีกกว่า 1,600 แห่ง

 

กลุ่มเซ็นทรัล ได้เริ่มขยายธุรกิจในยุโรป ในปี 2554 โดยเริ่มต้นจากการเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่รายใหญ่ในอิตาลี ตามด้วยการเข้าซื้อกิจการห้างอิลลุม ประเทศเดนมาร์ก ในปี พ.ศ 2556 นอกจากนั้น กลุ่มเซ็นทรัล ยังได้ร่วมทุนกับซิกน่า เข้าซื้อกิจการกลุ่มคาเดเว ประเทศเยอรมนี ในปี 2558 กิจการห้างโกลบุส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2563 และกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ในปี 2565

 

การเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลขึ้นแท่นผู้นำลักชัวรี่รีเทลระดับโลก ด้วยห้างสรรพสินค้ากว่า 40 แห่งในเมืองท่องเที่ยวหลักของยุโรป อาทิ ลอนดอน ซูริค โรม โคเปนเฮเกน ดับลิน และเวียนนา

 

กลุ่มเซ็นทรัล ยังเป็นเจ้าของพอร์ตโฟลิโออสังหาริมทรัพย์อันโดดเด่นในยุโรป ซึ่งรวมทั้งห้างเซลฟริดเจสสาขาแฟล็กชิปในลอนดอน, ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต สาขาโรม ตริโตเน, ห้างสรรพสินค้าโกลบุส ในซูริค, ห้างสรรพสินค้าอิลลุม ในโคเปนเฮเกน, ห้างสรรพสินค้าบราวน์ โธมัส ในดับลิน และโปรเจกต์ที่เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ในเมืองดุสเซลดอร์ฟและเวียนนา