นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์” ประธานคณะกรรมการบริหาร หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย (ICC Thailand) เปิดเผยว่า ICC Thailand หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย หรือ International Chamber of Commerce - Thailand ในฐานะสมาชิกและตัวแทนของหอการค้านานาชาติ (ICC) ก่อตั้งขึ้น โดยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย
เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎระเบียบการค้าและการลงทุนในเวทีโลก และเป็นตัวแทนของภาคเอกชนไทยในการเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ ICC ต้องเร่งเสริมแกร่งศักยภาพผู้ประกอบการไทย
ปัจจุบันปัญหาการกีดกันทางการค้ามีการนำเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นเงื่อนไขหรือข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น เช่น มาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของยุโรป Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนต.ค. ปี พ.ศ. 2566 นำไปสู่การกำหนด Agenda Thailand ที่ว่าด้วยCBAM และ ESG ที่ประเทศไทยต้องทำ
"ระหว่างดำรงตำแหน่งมีแผนจะที่ ICC Thailand อยากผลักดัน 2 เรื่องหลักคือ 1. การทำข้อมูล Agenda มาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของยุโรป Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) 2. การทำข้อมูล Agenda ESG "
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับ เลขาธิการ ICC สำนักงานใหญ่ และได้บอกไปว่าอยากทำ Agenda ประเทศไทยด้วยเช่นกันในบางวาระ เช่น CBAM ปัญหาใหญ่ตอนนี้เรื่องเครดิตคาร์บอน เนื่องจากเรายังไม่ได้ทำมาตรฐานเดียวกับสหภาพยุโรป เช่น การชดเชยคาร์บอนเครดิต ปกติแล้ว 1 คาร์บอนเครดิต จะมีมูลค่าประมาณ 15 ยูโร หรือประมาณ 750 บาท แต่ประเทศไทย 1 คาร์บอนเครดิต ปัจจุบันอยู่ที่ 50 บาท ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเสียค่าปรับคาร์บอนเพิ่มอีก เพราะมูลค่าคาร์บอนเครดิตไม่เท่ากัน ซึ่งประเทศไทยต้องรีบผลักดันเรื่องมาตรฐานการทำคาร์บอนเครดิตกับประเทศคู่ค้าให้ได้ มิฉะนั้นไม่เกิน 3 ปี ผู้ส่งออกไทยมีปัญหาเรื่องการส่งออกแน่นอน
ส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการได้ คือ การเลือกใช้กฎระเบียบการค้าที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ของผู้ส่งออก เช่น กฎ Incoterms ซึ่งทาง ICC Thailand ได้มีการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่อง Force Majeure เหตุสุดวิสัยในการค้าขาย และส่งสินค้าระหว่างประเทศ การใช้เอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการลดภาษี หรือยกเว้นภาษีนำเข้าของกรอบความร่วมมือ FTA กับประเทศต่างๆ และให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนด ESG เพื่อส่งสินค้าไปยังประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
"แค่ทำการค้าในไทย ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่า 1.5 แสนฉบับ แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศมีมากกว่ามหาศาล ถ้าผู้ประกอบการไม่เข้าใจ จะทำให้เสียเปรียบ และยังต้องอยู่ภายใต้การแข่งขันที่เป็นธรรม กฎระเบียบเข้ม นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือยุคนี้ผู้ประกอบการไทยจะเน้นทำมาค้าขายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่เรื่องคอร์รัปชัน เพราะระดับสากลก็ให้ความสำคัญอย่างมาก”
ปัจจุบันหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทยมีการบริหารงานโดยคณะกรรมการบริหารและดำเนินงานโดยผ่านคณะกรรมาธิการ (Commission) ด้านต่าง ๆ 11 สาขา ประกอบด้วย