ผ่าปัญหา-ทางออก ปม “ฟินแลนด์” ระงับวีซ่าคนไทยเก็บเบอร์รี่

18 มี.ค. 2567 | 08:14 น.

สรุปปัญหาและทางออกในการแก้ไข กรณี “ฟินแลนด์” ระงับวีซ่าคนไทยเก็บเบอร์รี่ รัฐบาลไทยเร่งแก้ไข ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ช็อกวงการแรงงานไทย เมื่อ "ฟินแลนด์ประกาศระงับวีซ่าคนไทยเก็บเบอร์รี่ป่าชั่วคราว" เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยนับหมื่นคน โดยเฉพาะในภาคอีสานที่หลายคนมีรายได้หลักจากการไปเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์

ซึ่ง "สาเหตุหลัก" ของการระงับวีซ่าครั้งนี้ มาจากปัญหาการค้ามนุษย์และการเอารัดเอาเปรียบแรงงานไทย พบกรณีแรงงานถูกนายจ้างหักค่าจ้าง กักเอกสาร บังคับใช้แรงงาน และไม่ได้รับสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนด สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ ตัดสินใจระงับการรับคำร้องขอตรวจลงตราของคนเก็บเบอร์รี่ป่าในไทย โดยใช้บังคับกับผู้สมัครที่เป็นแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าทุกคนที่ยื่นคำร้องขอตรวจลงตราที่สถานทูตฟินแลนด์ในกรุงเทพฯ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ซึ่งครอบคลุมถึงผู้สมัครทั้งจาก ไทย กัมพูชา และเมียนมา (การตรวจลงตราประเภทเชงเก้น) ในฤดูเก็บเกี่ยวช่วงหน้าร้อนปี 2567 นั้น เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวและครอบคลุมในการเข้าประเทศของคนเก็บเบอร์รี่ป่าในฟินแลนด์ตั้งแต่ฤดูเก็บเกี่ยวปี 2568 เป็นต้นไป   

รัฐบาลไทยตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหา  นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข ดังนี้

 

ระยะสั้น :

  • ชะลอการส่งแรงงานไปเก็บผลไม้ป่า ในฟินแลนด์และสวีเดน จนกว่าจะมีการปรับระเบียบกฎหมายให้คุ้มครองแรงงานไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
  • กำหนดเงื่อนไขการส่งแรงงานใหม่ นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ห้ามเรียกเก็บเงินจากแรงงาน จ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย แสดงหลักฐานการจองที่พัก และจัดทำสัญญาจ้างที่เป็นธรรม
  • เพิ่มมาตรการตรวจสอบ สถานทูตไทยในฟินแลนด์จะตรวจสอบข้อมูลนายจ้างอย่างเข้มงวด

 

ระยะยาว:

  • ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงานไทย ไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์และสวีเดน กำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อนายจ้างที่เอารัดเอาเปรียบแรงงาน
  • หารือกับฟินแลนด์ เพื่อจัดทำข้อตกลงความร่วมมือส่งแรงงานแบบรัฐต่อรัฐ หรือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กำหนดมาตรฐานการคุ้มครองแรงงานร่วมกัน
  • ตัวอย่างปัญหา ที่พบในอดีต เช่น แรงงานไทยถูกนายจ้างหักค่าจ้างสูงถึง 50%  ไม่ได้รับค่าล่วงเวลา  ถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา  ไม่ได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพและความปลอดภัย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาครั้งนี้  รัฐบาลไทยมุ่งหวังให้แรงงานไทยได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อ เช่น ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา  ประสิทธิภาพของมาตรการใหม่  และความร่วมมือจากฟินแลนด์

"การระงับวีซ่าครั้งนี้สะท้อนปัญหาการค้ามนุษย์และการเอารัดเอาเปรียบแรงงานไทยที่ยังฝังรากลึก  รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจังและยั่งยืนร่วมติดตามความคืบหน้า และแสดงความคิดเห็นของคุณต่อปัญหานี้"

 

ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล