บอร์ดเงินดิจิทัล ยื้อแจกเงิน 30 วัน ตั้งคณะทำงาน-อนุฯ เช็คข้อมูลป.ป.ช.

15 ก.พ. 2567 | 10:49 น.

นายกฯ เปิดผลประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เช็คข้อมูลป.ป.ช. พร้อมตั้งอนุกรรมการตรวจสอบขึ้นอีกชุด ขีดเส้นสรุปจบ 30 วันนัดประชุมใหม่

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเติม เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า ที่ประชุมรับทราบถึงหนังสือข้อหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อเสนแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต

“ที่ประชุมได้อ่านตามลายลักษณ์อักษรทั้งของกฤษฎีกา และป.ป.ช. ได้มีข้อเสนอมา โดยคณะกรรมการมีมติให้ดำเนินการตามข้อหารือและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด ให้ทางฝ่ายเลขานุการที่ประชุมรวบรวมข้อเท็จจริงตามข้อสังเกตต่าง ๆ และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขยายของเขตการพัฒนาโครงการให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการทุจริตในโครงการ ให้เป็นไปตามข้อสังเกตทั้งหมด” นายเศรษฐา กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายเติม เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการ จะเริ่มทำงานทันที 

ขณะเดียวกันคณะทำงานด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังได้กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ 30 วัน และเมื่อได้ข้อสรุปจะนัดประชุมคณะกรรมการอีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.เข้ามาอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงพิจารณาเดินหน้าโครงการ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการหลายคน เช่นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้เห็นความเห็นของข้อสังเกตของกฤษฎีกา และข้อเสนอของ ป.ป.ช. และขอเข้าไปพิจารณาและศึกษารายละเอียดก่อน โดยยืนยันว่า ให้ไปศึกษาอย่างเต็มที่ตามข้อเท็จจริง และหากมีข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะใดก็ให้เสนอมาอีกครั้ง 

 

นายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายเติม เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

“การประชุมครั้งนี้ทุกฝ่ายได้ถกเกียงกันในวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธปท. และสภาพัฒน์ แต่รวมไปถึงกระทรวงดิจิทัลฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่เข้ามาให้ข้อมูลเศรษฐกิจปัจจุบันด้วย วันนี้จึงชัดเจนว่ามีการพูดคุยกันในวงกว้างไม่มารตัดการประชุม ทุกคนที่อยากจะเสนอแนะได้มีการพูดคุยกันอย่างครบถ้วน” นายเศรษฐา ระบุ

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ในส่วนของไทม์ไลน์โครงการ และการเปลี่ยนแปลงการแหล่งกู้เงินมาเป็นการใช้งบประมาณประจำปี 2568 แทนหรือไม่นั้น เห็นว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ขอรอข้อสรุปของคณะทำงานและคณะอนุกรรมการฯ สรุปรายละเอียดออกมาก่อน