นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงแนวทางการฟื้นและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยว่า วันที่ 16 ม.ค. พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “พลิกมุมคิด เรื่องการเงินการคลัง” โดยมีตนเอง กับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ร่วมกันคิด เพื่อเสนอแนวทางการผลักดันเศรษฐกิจประเทศ ให้ขยายตัวทั้งในระยะสั้นอย่างเร่งด่วน และยั่งยืนในระยะยาว
การกำหนดบริบทใหม่ประเทศ (New Thailand Narrative) มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่ามกลางปัญหา ความเสี่ยงและความท้าทายมากมายในปัจจุบัน รวมทั้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นเราควรต้องหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมๆ ที่เป็นอยู่ เพื่อสร้างแนวทางไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
สิ่งที่ตนนำเสนอในเวทีเสวนาวันนั้น สรุปมุมมองสำคัญ คือ การสร้างบริบทใหม่ประเทศต้องเริ่มต้นจาก “สังคมมติ” ที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมเป็นน้ำหนี่งใจเดียวภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ มีข่าวผ่านสื่อมวลชนถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ระหว่างฝ่ายรัฐบาล ผู้ดูแลเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านนโยบายการคลัง กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ดูแลด้านนโยบายเสถียรภาพการเงิน ซึ่งในอดีตอาจเป็นเรื่องปกติ ที่ต่างก็มีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง
แต่โลกวันนี้จะเห็นได้ว่า หลายประเทศชั้นนำเดินหน้าเครื่องมือทั้งนโบบายการเงิน และนโยบายการคลังควบคู่กัน เพราะความเสี่ยงและความท้าทายเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้นรอบด้าน การใช้เครื่องมือทั้งสองโดยไม่สอดประสานกัน ทำให้การขับเคลื่อนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือ
นายอุตตม แสดงความมั่นใจว่า การขับเคลื่อนระหว่างการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัว สามารถทำได้ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพราะความจริงทั้งสองเครื่องมือนั้น มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพียงแต่ผู้มีหน้าที่ต้องพูดคุยทำงานสอดประสานกันให้มีจุด “สมดุล” ทั้งสองด้าน
สำหรับนโยบายการคลัง การที่จะทำให้เข้าสู่สมดุลระหว่างการเร่งฟื้นเศรษฐกิจกับการเติบโตที่ยั่งยืน จำเป็นต้องใช้ชุดนโยบาย และมาตรการที่รัดกุม ตรงเป้า
ทั้งการแก้ปัญหาที่สั่งสมมานานจนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อความอ่อนแอประเทศ ทั้งเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ หนี้สินภาคครัวเรือน การเข้าถึงแหล่งทุนของธุรกิจ SME การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะในโลกการแข่งขันปัจจุบัน รวมไปถึงการเข้าสู่สังคมสูงวัย ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศในอีกไม่นาน
“สิ่งเหล่านี้ภาคการคลังต้องกำหนดนโยบาย มาตรการ และ การลงทุนเข้าไปรองรับ สอดรับการปฏิรูปโครงสร้างการคลังและการใช้จ่ายงบประมาณ”
นายอุตตม กล่าวด้วยว่า ทุกฝ่ายทราบดีว่า ปี 2567 จะเป็นปีที่โลกมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูงมาก หากเราไม่สามารถเร่งการฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมๆ กับสร้างความเข้มแข็งให้เพียงพอต่อการรับมือความเสี่ยงใหม่ๆ ที่ใหญ่กว่าเดิม เราอาจต้องเผชิญความยากลำบากยิ่งขึ้น
ดังนั้น สังคมไทยต้องมาร่วมกันประกาศบริบทใหม่ New Thailand Narrative ให้โลกได้รับรู้ วันนี้เราต้องไม่ทำแบบเดิมๆเ พื่อผลลัพธ์แบบเดิมๆ อีกต่อไป