"อีสท์ วอเตอร์"ยันยกเลิกมติ ครม.ปี 35 ไม่ส่งผลต่อสิทธิ์การใช้น้ำ

26 ธ.ค. 2566 | 04:38 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2566 | 04:38 น.

"อีสท์ วอเตอร์"ยันยกเลิกมติ ครม.ปี 35 ไม่ส่งผลต่อสิทธิ์การใช้น้ำ เหตุแต่ละปีกรมชลประทานได้มีการจัดสรรน้ำจากปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำ และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่งกรมชลประทานกำหนด 

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ 

ในส่วนที่กำหนดว่า ระบบท่อส่งน้ำต่างๆ ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน และขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่างๆ

จากแนวทางดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำของอีสท์ วอเตอร์ แต่อย่างใด เนื่องจากในแต่ละปีกรมชลประทานได้มีการจัดสรรน้ำจากปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานในแต่ละปีอยู่แล้ว และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทางกรมชลประทานกำหนด 

ซึ่งแหล่งน้ำหลักในปัจจุบันของ อีสท์ วอเตอร์ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง และแหล่งน้ำเอกชน

"อีสท์ วอเตอร์"ยันยกเลิกมติ ครม.ปี 35 ไม่ส่งผลต่อสิทธิ์การใช้น้ำ

รวมถึงยังมีแหล่งน้ำสำรองที่มีใว้เพื่อเสริมความมั่นคงของแหล่งน้ำหลัก ได้แก่ สระสำรองน้ำสำนักบก สระสำรองน้ำฉะเชิงเทรา สระสำรองน้ำดิบทับ อีกทั้งยังมีการดำเนินการวางท่อส่งน้ำดิบหลักคลองหลวง-ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ชลบุรี 

นายเชิดชาย กล่าวอีกว่า แม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีผู้ประกอบการเพิ่ม ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจ และยังมุ่งให้ความสำคัญของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก รวมถึงการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

โดยในปี 2567 โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ทั้ง 3 โครงการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้ หากก่อสร้างแล้วเสร็จท่อส่งน้ำสายหลักจะเชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักในภาคตะวันออก ความยาว 526 กม.  ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้อีสท์ วอเตอร์ ยังคงเป็นผู้นำในการบริการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อไป 

สำหรับโครงก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลัก  3 โครงการ ประกอบไปด้วย

  • โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล - หนองค้อ - แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลบต่อวัน มากกว่าเดิม ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยังยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์ – หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์ 
  • โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทน การผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง-บ่อวิน 
  • โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุต เส้นที่ 2