ศาลปกครองสูงสุด ชี้ชะตา กสทช. ปมควบรวม TRUE - DTAC วันนี้

30 ต.ค. 2566 | 01:00 น.

จับตา ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด คดีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้อง กสทช. ปมให้ควบรวม TRUE - DTAC วันนี้ 30 ต.ค.66 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลา 11.00 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา) ในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(ผู้ฟ้องคดี) ยื่นฟ้องขอเพิกถอนมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กรณีรับทราบรายงานการควบรวมธุรกิจระหว่าง "TRUE" และ "DTAC" โดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า การรวมธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน

สำหรับคดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) มีมติในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 รับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) โดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า การรวมธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันกิจการโทรคมนาคม จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของคณะกรรมการ กสทช. ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ผู้ฟ้องคดีก็ควรจะต้องทราบถึงความมีอยู่ของมติพิพาทตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการ กสทช. ได้มีการประชุมและลงมติ และสำนักงาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้เผยแพร่ผลการประชุมเป็นการทั่วไปต่อสาธารณะและลงประกาศในเว็บไซต์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด้วยแล้ว 

และผู้ฟ้องคดีได้ทราบว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนมติในการควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีก็ควรจะรู้หรือได้รู้ถึงความมีอยู่ของมติพิพาทอย่างช้าสุดในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 หาใช่จะถือเอาวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ได้เข้าไปดูเว็บไซต์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง จึงพบว่า มีการเผยแพร่รายงานการประชุม

การที่ผู้ฟ้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 จึงเป็นการยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 

เมื่อคดีนี้มิได้เป็นคดีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะยื่นฟ้องคดีเมื่อใดก็ได้ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งคดีนี้ย่อมมีผลอันเกี่ยวด้วยการใช้อำนาจและหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในการกำกับดูแลผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม และการควบรวมธุรกิจครั้งที่ 71 /2566 ระหว่าง TRUE และ DTAC เท่านั้น มิได้กระทบต่อสาธารณะโดยตรงหรือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมโดยแท้แต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏเหตุจำเป็นอื่นที่เป็นอุปสรรคขัดขวางทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจยื่นคำฟ้องภายในระยะเวลาการฟ้องคดีที่กฎหมายกำหนด

ศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 52 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับข้อ 30 วรรคสองแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด