เตือนภัย อ้างตำรวจไซเบอร์ สร้างเพจปลอมหลอกดูดเงินบัญชีธนาคาร

30 ก.ค. 2566 | 03:52 น.

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย เพจหน่วยงานราชการปลอมระบาด ล่าสุดมิจฉาชีพปลอมเพจตำรวจไซเบอร์ 2 เพจ พบผู้เสียหายหลายราย ถูกหลอกให้โอนเงินค่าติดตามทรัพย์สิน ค่าทนาย และหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปหาผลประโยชน์

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากระบบศูนย์บริหารการแจ้งความออนไลน์ และสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 พบผู้เสียหายหลายรายร้องเรียนว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคล และหลักฐานทางคดี อาจจะถูกนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือผิดกฎหมาย

เตือนภัย อ้างตำรวจไซเบอร์ สร้างเพจปลอมหลอกดูดเงินบัญชีธนาคาร

ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ตรวจสอบพบ และติดต่อไปยังเพจเฟซบุ๊กหน่วยงานในสังกัด บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ จำนวน 2 เพจ ได้แก่

1.เพจที่ใช้ชื่อว่า “ ตำรวจไซเบอร์ 2 ”

2.เพจที่ใช้ชื่อว่า “ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 – CCID5 ”

มิจฉาชีพได้ปลอมขึ้นมาและตั้งชื่อให้เหมือนกับเพจเฟซบุ๊กจริง ใช้การโฆษณาเพื่อเข้าถึงเหยื่อเป้าหมาย หลอกลวงให้ผู้เสียหายที่ไม่ทันได้สังเกตที่ติดต่อเข้ามาแล้วหลอกลวงสอบถามเอาข้อมูลต่างๆ

เริ่มจากสอบถามว่ามีเรื่องใดให้ช่วยเหลือ ถูกหลอกลวงหรือถูกโกงเรื่องใด มูลค่าความเสียหายเท่าใด ไปจนถึงขอหลักฐานทางคดีที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการพูดคุยกับคนร้าย หลักฐานการโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย แพลตฟอร์มที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น รวมไปถึงมีการใช้ตราสัญลักษณ์ของ บช.สอท. ภายในเพจลักษณะดังกล่าวยังมีเนื้อหารูปภาพและข้อความจากเพจจริงมาใช้

ต่อมา มิจฉาชีพจะให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์เพื่อไปติดต่อกับทนายความปลอม ชื่อบัญชี “ ทนายอนันต์ชัย ” ไอดีไลน์ “ anantchat41 ” ที่อ้างว่าสามารถช่วยเหลือ ติดตาม หรือ กู้คืนทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปกลับคืนมาได้ จากนั้นจะมีการให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์เพื่อไปแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไปยังตำรวจปลอมยศ พ.ต.อ. อ้างว่าเป็นหัวหน้าทีม IT เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ไอดีไลน์ “ cyber00it ” โดยแจ้งว่าหากอยากได้เงินคืน ต้องมีการโอนเงินเพื่อเป็นค่าดำเนินการต่างๆ และค่าทนายมาให้ก่อนถึงจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วก็จะถูกตัดขาดการติดต่อ

โดยมิจฉาชีพอาจจะนำข้อมูลที่ได้ไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปแฮ็กบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แล้วไปหลอกยืมเงินผู้อื่น หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคาร หรือนำข้อมูลไปขายให้กับแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ หรือนำไปแอบอ้างทำเรื่องที่ผิดกฎหมายต่างๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างหน่วยงานของรัฐ หลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

 โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการใช้งาน หรือเข้าถึงบริการต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ ควรตรวจสอบช่องทางเหล่านั้นให้ดีเสียก่อนว่าเป็นของหน่วยงานนันจริงหรือไม่ ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ซึ่งมิจฉาชีพอาจใช้โอกาสหลอกเอาข้อมูลไปเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการประกาศโฆษณา หรือมีชื่อเพจเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ที่ตั้งชื่อคล้ายกับของหน่วยงานนั้นจริงเท่านั้น