หอการค้าต่างประเทศผวา ตั้งรัฐบาลช้า เศรษฐกิจ-ลงทุนไทยชะงัก

19 ก.ค. 2566 | 04:44 น.

หอการค้าต่างประเทศ จี้ไทยเร่งตั้งนายกฯ-รัฐบาลใหม่ หวังได้ความชัดเจนภายใน ก.ค. ระบุความล่าช้ายังไม่กระทบถึงขั้นทำแผนธุรกิจหยุดชะงัก หอการค้าไทยลุ้นได้รัฐบาลใหม่ช้าสุดไม่เกิน ก.ย.ห่วงยื้อกระทบหนัก SME นักธุรกิจภูธรไม่เกี่ยงใครแกนนำรัฐบาล

การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังฝุ่นตลบ และมีความเป็นไปได้สูงที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจจะไปไม่ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเปลี่ยนมือเป็นพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทุกฝ่ายจับจ้องว่าที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทยจะยังเหนียวแน่นให้โอกาสพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลหรือไม่ หรือจะผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน โดยฉีก MOU ของ 8 พรรคร่วม เพื่อให้การขับเคลื่อนประเทศได้ไปต่อ

  • ต่างชาติเร่งสร้างความชัดเจน

นายสแตนลีย์ คัง ที่ปรึกษาอาวุโสหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) และผู้จัดการอาวุโส บริษัท ทุนเท็กซ์ เท็กซ์ไทล์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้ไทยจะผ่านการเลือกตั้งทั่วไปมาแล้ว 2 เดือนแล้วแต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และยังอยู่ในกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และความยืดเยื้อมีแต่จะสร้างความเสียหาย อย่างไรก็ตาม นักการเมืองของไทยกำลังเร่งเจรจาและจัดการในเรื่องนี้อยู่ จากประสบการณ์ที่อยู่และทำงานในเมืองไทยมานานหลายสิบปี เชื่อว่าทุกฝ่ายกำลังเร่งหาทางจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะต้องเดินหน้าเศรษฐกิจกันต่อไป

หอการค้าต่างประเทศผวา ตั้งรัฐบาลช้า เศรษฐกิจ-ลงทุนไทยชะงัก

“นักธุรกิจ-นักลงทุนต่างชาติในไทย ขอให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพราะรัฐบาลรักษาการแม้จะมีอยู่ แต่ก็คงทำอะไรได้ไม่มากนัก ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ที่จะมีผลต่อไปในอนาคต นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องรีบมีรัฐบาลใหม่ขึ้นมาจัดการดูแล มองไปรอบ ๆ เราจะเห็นบริบททางเศรษฐกิจที่รอช้าไม่ได้ เราอยู่ในบริบทที่มีความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ต้นทุนการดำเนินธุรกิจพุ่งสูงขึ้น ดอกเบี้ยก็สูงทั่วโลก เราต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามาวางนโยบายใหม่ๆ เพื่อรับมือ และมากำหนดทิศทาง”

ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะนำโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองจากฟากรัฐบาลชุดเก่า ก็เชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะให้น้ำหนักความสำคัญและเร่งรีบทำเป็นประการแรก คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้รุดหน้า สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เข้ากระเป๋าประชาชนคนไทย ให้อยู่ดีกินดีมากขึ้น สร้างโอกาสให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น

“ไม่ว่าพรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล หรือใครรวมกับใคร (เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม) เชื่อว่าภารกิจแรก คือ เรื่องเศรษฐกิจ ตอนนี้ผมมีความมั่นใจนะ ถึงจะช้าหน่อยแต่ก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว ผมเชื่อว่าพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งมีการประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบสอง เราจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น และเชื่อว่าภายในสิ้นเดือนนี้ น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับนายกฯคนใหม่ และรัฐบาลใหม่แล้ว ในส่วนของภาคเอกชน เรายังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ไม่ได้มีการหยุดชะงักอะไร จากประสบการณ์ที่อยู่ในไทยมานาน เราก็ยังคงดำเนินแผนธุรกิจของเราต่อไป” นายสแตนลีย์ คัง กล่าว

  • หวังได้รัฐบาลไม่เกิน ก.ย.

ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินจากกระแสต่าง ๆ ที่ออกมา เนื่องจากข้อมูลจากการพูดคุยของแต่ละพรรคเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อยากให้ทุกฝ่ายมองทีละขั้นตอน สำหรับภาคเอกชนสิ่งที่โฟกัสตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลใหม่ที่รวดเร็วที่สุด ถือเป็นโจทย์ที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ยังเห็นว่าทั้ง 8 พรรคยังคงเดินหน้าจับมือกันอยู่ และไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทย ที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จภายใต้ระบบของประชาธิปไตย ที่ผ่านมาภาคเอกชนไทยมีความเข้มแข็งและพร้อมให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดีหอการค้าฯ มองว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ควรจะแล้วเสร็จในระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ซึ่งยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ถือว่าช้าเกินไป โดยหวังว่าหลังจากนี้ทุกฝ่ายจะมีการหารือและทำความเข้าใจร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

“การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนภายใต้ระบบประชาธิปไตย ที่สามารถทำได้หากอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อยก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ส่วนกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือมีการแสดงออกทางการเมืองจนนำไปสู่ความรุนแรง ก็คงจะกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตได้ดี เอกชนจึงหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้และการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายสนั่น กล่าว

  • ธุรกิจภูมิภาคห่วงทุบเศรษฐกิจ

นายหัสดิน สุวัฒนพงศ์เชฎ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ภาคธุรกิจไม่ได้มองว่าพรรคการเมืองใดจะจัดตั้งรัฐบาล แต่อยากได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ต้องจัดตั้งให้เร็วที่สุด หากปล่อยไว้นานจะเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุนที่นักลงทุนไม่กล้านำเม็ดเงินมาลงทุนในช่วงนี้ เพราะรอดูความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลใหม่

นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้า จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลที่มีปัญหาและอุปสรรคในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่า พรรคเพื่อไทยมีความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ มีความสุขุมมากกว่า น่าจะเป็นทิศทางเชิงบวกมากกว่า แต่ขอให้เป็นการเปลี่ยนการเมืองอย่างสงบ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต้องตกลงกันเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าและเป็นผลดีกับประเทศชาติ ทุกคนต้องมองเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักสำคัญในเวลานี้

นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล มองว่าน่าจะตอบสนองได้ดีกว่าพรรคก้าวไกลในหลายๆ เรื่อง ขณะที่ด้านเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปต่อได้ เพราะจะมีรัฐบาลที่ชัดเจน และมีนโยบายที่ภาคเอกชนน่าจะทำกันได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ภาคเอกชนอยากจะเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในทางบวก ไม่อยากเห็นการประท้วงบนท้องถนน รวมถึงนโยบายที่กระทบต่อเอกชน

นายวโรดม ปิฏกานนท์ กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และอดีตประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ มองว่า ภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยมีความชำนาญด้านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการเปลี่ยนจากนายพิธา มาเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน (แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย) จะไม่มีปัญหาเรื่องมวลชน ขอให้จับมือกันให้ได้แล้วให้ตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด และต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะได้เดินหน้าต่อไป

นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า แกนนำเพื่อไทยและก้าวไกล ใครก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการทำงานมากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ-สังคม การเมือง ส่วนก้าวไกล มีแนวคิดใหม่ๆ อยากจะให้มีการนำความคิดใหม่ๆ มาปรับใช้ร่วมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในเบื้องต้นต้องร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด

  • อสังหาฯลุ้นตั้งรัฐบาล

ขณะภาคอสังหาริมทรัพย์ นายมีศักดิ์ ชุณหรักษ์โชติ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สะท้อนว่า การจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย มองว่า จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้าได้ดี ขอให้ตั้งรัฐบาลโดยเร็วและมีการระดมความเห็นจากภาคเอกชนและฝ่ายวิชาการโดยใช้จุดแข็งประเทศอย่างท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมอสังหาฯ ต่อไป

นายอรรถนพ พันธุ์กำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เกิดขึ้นโดยเร็วและเร่งผลักดันศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และการลงทุนในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากจังหวัดนี้สามารถพัฒนาได้ด้วยตัวเอง หากการท่องเที่ยวดีขึ้นจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่ต้องการฝากถึงภาครัฐ 2 เรื่อง คือ 1.การสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การวางผังเมือง,การควบคุมกฎหมาย ตลอดจนระบบสาธารณูปโภค 2.การทำการตลาด กระตุ้นท่องเที่ยว อย่าง อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เชื่อว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากขึ้น

  • หวั่นม็อบชนม็อบทุบท่องเที่ยว

ขณะที่ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เผยว่า ภาพความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองยังคงอยู่ และถือเป็นปัจจัยที่น่าห่วงมากที่สุดในเวลานี้ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว จากปัจจัยในด้านอื่นๆ อาทิ ความต้องการ (ดีมานด์) กำลังซื้อ เริ่มทยอยฟื้นตัวแล้ว

“ความกังวลการเมืองนอกสภา การลงถนนชุมนุมต่างๆ นั้น ต้องยอมรับว่าก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะหากเป็นการจัดชุมนุมแบบเล็กน้อยตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนนี้ไม่เป็นไร แต่หากเกิดในลักษณะม็อบชนม็อบเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ภาวนาว่าไม่อยากให้เกิดภาพแบบนั้นเกิดขึ้นอีก เพราะไม่ใช่ทางออกที่ดีของประเทศ”

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3906 วันที่ 20-22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566