เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เร่งเครื่องส่งออกไร้รอยต่อ

06 มิ.ย. 2566 | 05:31 น.

เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่  เร่งเครื่องการส่งออกไร้รอยต่อ คงเป้าทั้งปีโต0-1% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจโลก สงคราม ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและต้นทุนกู้เงินของผู้ประกอบการ

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)เปิดเผยว่าภาคเอกชนเร่งกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนแผนการส่งออกและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)พิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ประกอบการSMEมากจนเกินไป

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

รวมถึงขอให้ภาครัฐช่วยบริการจัดการค่าไฟฟ้าอย่างเหมาะสมเพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่ปรับสูงขึ้นและอาจเสียเปรียบคู่ค้าคู่แข่งที่สำคัญ

ทั้งนี้สรท.คงคาดการณ์เป้าหมายการทำงานด้านการส่งออกรวมทั้งปี 2566 เติบโตระหว่าง 0-1% (ณ เดือนมิถุนายน 2566) โดยมีปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 66

เช่น ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลต่อแผนผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ภาคการเงิน การผลิต ส่งออก วัตถุดิบ และพลังงาน อัตราดอกทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เร่งเครื่องส่งออกไร้รอยต่อ

และภาระต้นทุนการกู้เงินของผู้ประกอบการ ต้นทุนการผลิตยังคงสูง อาทิ ค่าไฟฟ้า ส่งผลต่อความสามารถการแข่งขันทางด้านราคาของสินค้าไทยและปริมาณสินค้าคงคลังในประเทศคู่ค้ายังคงมีปริมาณสูง ส่งผลให้ชะลอคำสั่งซื้อออกไป  ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อภาคการเกษตรในประเทศ

เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เร่งเครื่องส่งออกไร้รอยต่อ

สำหรับการส่งออกไทยเดือนเมษายนมีมูลค่า 21,723.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน(YoY)พบว่าหดตัว 7.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 737,788 ล้านบาท หดตัว 5.6% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนเมษายนหดตัว 6.8%)

เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เร่งเครื่องส่งออกไร้รอยต่อ

ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า23,195ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหดตัว7.3%และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 797,373 ล้านบาท หดตัว 5.4% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนเมษายน2566 ขาดดุลเท่ากับ 1,471.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 59,584 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมส่งออก4เดือน (มกราคม – เมษายน)  เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 92,003.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 5.2% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,110,977 ล้านบาท หดตัว 2.2% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม - เมษายน หดตัว 2.3%)

เอกชนหวังเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เร่งเครื่องส่งออกไร้รอยต่อ

ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 96,519.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 2.2% และมีมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินบาทเท่ากับ 3,305,763 ล้านบาท ขยายตัว 0.8% ส่งผลให้การค้าของประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ขาดดุลเท่ากับ 4,516 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 194,786 ล้านบาท