บิ๊กป้อม ยกระดับมาตรการป้องกัน -แก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงวิกฤต

16 มี.ค. 2566 | 11:29 น.

บิ๊กป้อม ยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต 1 มกราคม – 1 มีนาคม 2566 พบว่าจำนวนจุดความร้อนทั่วประเทศ 56,439 จุด โดย 17 จังหวัดภาคเหนือ มีจำนวน 31,719 จุด เพิ่มขึ้น 195%

 

 

                  

จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง) โดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งพบว่าตั้งแต่วันที่ วันที่ 1 ม.ค. - 3 มี.ค.66  PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1 - 3 มี.ค.66 ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ตรวจวัดได้อยู่ในช่วง 56 – 225 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

รวมถึงสถานการณ์จุดความร้อนสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 มีนาคม 2566 พบว่าจำนวนจุดความร้อนทั่วประเทศ มีจำนวน 56,439 จุด โดยในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีจำนวน 31,719 จุด (เพิ่มขึ้น 195%) โดยเกิดขึ้นในพื้นที่ป่ามากกว่า 80% รองลงมาเป็นพื้นที่เกษตร 15%

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม และนายจตุพร บุรุษพัฒ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่รองประธานกรรมการ โดยคณะกรรมการได้มีมติ “ยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต” ในพื้นที่ 17 จังหวัด และแผนการดำเนินงาน/มาตรการระยะยาวสำหรับปี 2567 - 2570 โดยมีสาระดังนี้

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

1.แผนการดำเนินงาน/มาตรการเร่งด่วน

1)ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปิดป่าในส่วนที่มีสถานการณ์ไฟป่าอยู่ในระดับวิกฤต หรือเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในขั้นรุนแรง ระดมสรรพกำลัง เครือข่ายอาสาสมัคร อุปกรณ์ เครื่องมือ อากาศยาน ในการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และปฏิบัติการดับไฟอย่างเข้มข้น

2)ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับจังหวัดประกาศห้ามเผาในทุกพื้นที่ รวมถึงห้ามบริหารจัดการเชื้อเพลิงด้วยการเผาในที่โล่งในช่วงนี้ และให้บรูณาการหน่วยงานในพื้นที่ลาดตระเวนเฝ้าระวังการเผา ป้องกันไม่ให้มีการเผาอย่างเข้มข้น

3)ให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำชับให้งดรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในช่วงนี้

4)ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร พิจารณามาตรการในการจำกัดเวลา พื้นที่ และปริมาณสำหรับรถบรรทุกที่จะเข้ามาในเขตเมือง

5)ให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผา หรือผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด

6)ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการทำฝนหลวงเพื่อบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง

ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ

7)ให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย  จัดห้องปลอดฝุ่น แจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น รวมถึงยารักษาโรค และเร่งจัดบริการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทั้งหน่วยบริการตรวจสุขภาพประชาชน และจัดบริการคลินิกมลพิษเคลื่อนที่ในทุกจังหวัด เพื่อให้คำแนะนำ และดูแลด้านสุขภาพกับประชาชน

8)ให้ทุกหน่วยงานมีการสื่อสารผลการดำเนินงานของภาครัฐในการป้องกันแก้ไขปัญหา หมอกควัน  ไฟป่า และฝุ่นละออง ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง

 

2.แผนการดำเนินงาน/มาตรการระยะยาวสำหรับปี 2567 – 2570

1)ให้สำนักงบประมาณพิจารณาการจัดสรรงบบูรณาการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

2)ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน อุดหนุนให้กับ อปท.

3)ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจในการนำรถเก่าออกจากระบบ และมาตรการจำกัดปริมาณรถ และโรงงาน

4)ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ เพิ่มระบบติดตามตรวจสอบและบ่งชี้แหล่งกำเนิดฝุ่นละออง

5)ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ จัดทำแผนการ/มาตรการลดและจัดการจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนฯ รายพื้นที่

6)ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้มงวดมาตรการปลอดการเผาสำหรับพื้นที่เกษตร (zero burning) ในพื้นที่ปลูกอ้อย ข้าวโพด และข้าว เช่น กำหนดเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมในการช่วยเหลือเกษตรกร และมาตรการเพิ่มมูลค่าวัสดุชีวมวลทางการเกษตรโดยให้หน่วยงานจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการฯ

7)ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าทางเกษตร ที่มีผลต่อการเกิดมลพิษทางอากาศ PM2.5

8)ให้กระทรวงพลังงานพิจารณาเพิ่มการรับซื้อชีวมวล เพื่อผลิตพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน

9)ให้กระทรวงการคลังมีมาตรการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจเกษตรกรปลอดการเผา เช่น การลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรในภาคการเกษตร

10)ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษา สร้างความเข้มแข็งให้กับเยาวชน ประชาชน ชุมชนในการจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพ รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมในการจัดการปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง

11)ให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย จัดให้มีห้องปลอดฝุ่น หน่วยบริการตรวจสุขภาพ คลินิกมลพิษให้กับประชาชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง

ยกระดับแก้ปัญหาฝุ่น