หลังจากที่มคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อเป็นการสงวนทรายซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ไว้ใช้กับอุตสาหกรรมในประเทศนั้น
นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการควบคุมการส่งออกทราย และยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ที่มีทรายเป็นส่วนประกอบ โดยปรับปรุงกำหนดให้ทรายตามพิกัดศุลกากรประเภท 25.05 เป็นทรายธรรมชาติทุกชนิด จะแต่งสีหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นทรายที่มีโลหะปน ให้เป็นสินค้าห้ามส่งออก โดยไม่ได้กำหนดค่าซิลิกาออกไซต์ไว้ ได้แก่ ทรายซิลิกา ทรายควอร์ตซ์ และทรายอื่น ๆ
แต่ก็มียกเว้นการส่งออกทราย 4 กรณี คือ 1. ใช้ในงานวิจัยได้เท่านั้น 2.นำเป็นตัวอย่างเท่านั้น 3.หากต้องการนำติดตัวไปจะต้องไม่เกิน 2 กิโลกรัมเท่านั้น และ4ใช้ในยานพาหนะซึ่งขึ้นอยู่กับพันธะสัญญาประเทศนั้นๆ เช่น ในเรือต้องมีทรายได้ไม่เกิน1 ตันเพื่อเอาไว้ถ่วงสมดุลเรือ และการป้องกันอัคคีภัยในเรือ ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ.1974
“ขั้นตอนจากนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งหลังจากประกาศเป็นมติครม. ก็จะมีหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวทั้งกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ กรมศุกลกากร ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเตือนผู้ประกอบการให้มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งขี้นตอนยังมีอีกต้องให้กฤษฎีฎาเห็นชอบ จะมีปรับปรุงส่วนไหนหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ส่งเรื่องกลับมายังต้นสังกัดและประกาศยังคับใช้ทันที ซึ่งน่าจะประมาณกลางปีหรือปลายปีนี้ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯก็ทอดเวลาให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัวอยู่แล้ว”
ข้อดีของการประกาศห้ามส่งออกทรายก็จะเป็นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ตลิ่งไม่ทรุด แร่ธาตุไม่ถูกนำออกไป เพราะหลายประเทศต้องการใช้ทรายจำนวนมาก ทั้งลาว มาเลเซีย ที่นำไปถมที่ถมทะเล สาเหตุที่ต้องมีการสั่งยกเลิกการส่งออกทั้งหมดเป็นเพราะที่ผ่านมาที่มีการประชุมร่วมกับ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาการเหมืองแร่ ต่างก็มองว่าต้องการให้มีการกำหนดพิกัดใก้ชัดเจน ซึ่งพอมีการระบุพิกัด ก็มีเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติของไทยเข้ามา
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งออกทรายอีก และเมื่อ ครม. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศฯ แล้ว จะส่งร่างดังกล่าวให้กับคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจร่างก่อนเสนอ รมว. ลงนามและประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 180 วัน
สำหรับการส่งออกนำเข้าสินค้าทรายของไทยในปี 2560 – 2565 พบว่า ช่วง 6 ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกทรายปริมาณ 12,009ตัน มูลค่า160.95ล้านบาท แบ่งเป็น ปี2560 ปริมาณ2610ตัน มูลค่า37.06ล้านบาท ประเทศที่ส่งออก เวียดนาม 28.80% ลาว 13.87% ปากีสถาน 12.62%
ในขณะที่ภาพรวมการนำเข้าทรายของไทย 6 ปี (2560-2565)พบว่ามีปริมาณรวม 7,301,485 ตัน มูลค่ารวม 4,042 ล้านบาทแบ่งเป็น
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยได้มีการนำเข้าทรายเข้ามาจากจีน เพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น เช่นลาว หรือนำเข้าทรายจากลาวและส่งออกกลับไปที่ลาว ซึ่งน่าจะได้ราคาดีกว่า