“พาณิชย์”เผยสินค้าขนมขบเคี้ยวไขมันต่ำมาแรงในตลาดจีน

12 ม.ค. 2566 | 03:47 น.

“พาณิชย์”เผยสินค้าขนมขบเคี้ยวไขมันต่ำมาแรงในตลาดจีน หลังผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพ แนะผู้ส่งออกจับกระแสให้ทันเน้นผลิตสินค้าลดไขมัน ลดน้ำตาล พัฒนาสินค้าโดยใช้นวัตกรรม

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ สำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงแนวโน้มการทำตลาดสินค้าขนมขบเคี้ยวไขมันต่ำที่กำลังเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคชาวจีนโดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

 

ผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ก็ยังคงมีความต้องการด้านรสชาติอาหารที่อร่อยควบคู่ไปกับประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้อุตสาหกรรมขนมขบ เคี้ยวของจีนค่อย ๆ ปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การบริโภคดังกล่าว เช่น การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ใส่สารเติมแต่ง ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ มีน้ำตาลและไขมันต่ำ ซึ่งกำลังทยอยเข้าสู่ท้องตลาด

“พาณิชย์”เผยสินค้าขนมขบเคี้ยวไขมันต่ำมาแรงในตลาดจีน

 

นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตอาหารหลายรายได้เริ่มศึกษาวิจัยเทคนิคการผลิตอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย หรือไขมันเท่ากับศูนย์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยเปิดตัวขนมขบเคี้ยว ของว่างหลากหลายชนิดที่เน้นจุดขายไขมันต่ำ เช่น เค้กบุกไขมันต่ำ เนื้อวัวอบแห้งไขมันต่ำ เป็นต้น รวมถึงผู้ผลิตมันฝรั่งแผ่นทอดหลายรายที่ได้พัฒนาและเปิดตัวมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบที่มีไขมันต่ำ เช่น Lay’s ได้เลือกใช้น้ำมัน rapeseed oil-lowerucic acid มาทอด ทำให้ไขมันอิ่มตัวลดลง 50% แต่ราคาขายทำได้สูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม เทรนด์การบริโภคอาหารมักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และความต้องการของผู้บริโภค ก็จะได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยปัจจุบันขนมขบเคี้ยวที่วางจำหน่ายในตลาดจีน ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเลือกปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในด้านเทคนิคการผลิต ส่วนผสม และบรรจุภัณฑ์ 

สำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารของไทย ควรติดตามแนวโน้มการบริโภคของตลาดจีนอย่างใกล้ชิด พยายามส่งเสริมการผลิตสินค้าที่ทำให้ผู้บริโภคมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีมากขึ้น เน้นงานวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้บริโภค  ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น