ค่าเงินเยนแข็งทุบดอลลาร์ร่วงต่ำสุดรอบ 4 เดือน หลัง BOJ ช็อกตลาด

21 ธ.ค. 2565 | 00:13 น.

ค่าเงินเยนพุ่งกว่า 3% สู่ระดับ 132.75 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ นับว่าแข็งสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นเซอร์ไพรซ์ตลาดเมื่อวันอังคาร (20 ธ.ค.)

ค่าเงินเยน แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับลด 0.68% สู่ระดับ 104.01 ณ เวลา 19.05 น.ตามเวลาไทยวานนี้ (20 ธ.ค.) ทั้งนี้ ดอลลาร์อ่อนค่า 3.054% สู่ระดับ 132.75 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังทรุดตัวลงแตะ 132.68 เยนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลง 0.27% สู่ระดับ 1.063 เมื่อเทียบกับเงินยูโร

 

การปรับตัวของเงินเยน ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และ แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทโดยขยับเป็น 100 เยนต่อ 26 บาท (จากเดิมอยู่ที่ราวๆ 25 บาท) สาเหตุจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่า ญี่ปุ่นจะหันมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินตามรอยธนาคารกลางทั่วโลก หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ  BOJ ประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีกว้างขึ้นเมื่อวันอังคาร (20 ธ.ค.)

 

โดยถึงแม้ BOJ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ระดับ -0.1% และตรึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ 0% ในการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ (20 ธ.ค.) แต่ BOJ ได้ตัดสินใจขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25%

 

นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เป็นไปเพื่อปรับปรุงกลไกตลาด แต่นักลงทุนก็ตีความว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า BOJ กำลังพิจารณาใช้มาตรการควบคุมทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า นายกรัฐมนตรีกำลังเตรียมหารือกับผู้ว่าการ BOJ คนใหม่ที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากนายคุโรดะในช่วงต้นปีหน้า 

ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ กำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนเมษายนปีหน้า (2566)

สำนักข่าวเกียวโด สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า รัฐบาลกำลังเตรียมหารือกับ BOJ เพื่อปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากมีการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าวมาเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี

 

แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะหารือประเด็นดังกล่าวกับผู้ว่าการ BOJ คนใหม่ในเดือนเม.ย.ปีหน้า (2566) หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งต่อจากนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ คนปัจจุบัน

 

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดทำแถลงการณ์ร่วมกับ BOJ ในปี 2556 โดยระบุถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืดในขณะนั้น

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากญี่ปุ่นทำการปรับเป้าหมายเงินเฟ้อดังกล่าวก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เยนแข็งค่าขึ้นอีก หลังจากที่ถูกกดดันให้อ่อนค่าเป็นเวลานานจากการที่ญี่ปุ่นใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา BOJ ต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสวนกระแสธนาคารกลางทั่วโลกที่พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

นักลงทุนกำลังจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (23 ธ.ค.)  ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE จะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้วหรือไม่

 

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนต.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 0.3% ในเดือนต.ค.

 

นอกจากนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ คาดว่าปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 5.0% ในเดือนต.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนต.ค.

 

ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ