ผู้ถือ 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' เดิม ยังได้สิทธิเพียบ

01 ต.ค. 2565 | 06:21 น.

รองโฆษกรัฐบาลเผยผู้ถือ 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' เดิม ยังได้สิทธิเพียบ แม้รัฐบาลจะเปิดลงทะเบียนใหม่ ทั้งวงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค โครงการเพิ่มกำลังซื้อ วงเงินซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรคนจนทั่วไป วงเงินซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับร้านค้า หาบเร่ แผงลอย

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอเน้นย้ำกับผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดิม ยังคงสามารถใช้สิทธิได้อยู่ แม้บางมาตรการจะสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

แม้ว่ารัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 โดยล่าสุดยอดผู้ลงทะเบียน ณ วันที่ 30 กันยายนมีจำนวน 19,381,909 ราย

 สำหรับมาตรการที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิมยังได้รับสิทธิในเดือนตุลาคม ได้แก่

  • วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาทต่อเดือน
  • โครงการเพิ่มกำลังซื้อ คนละ 200 บาทต่อเดือน
  • วงเงินซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรคนจนทั่วไป 100 บาท ต่อเดือนเป็นเวลา3 เดือน
  • วงเงินซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับร้านค้า หาบเร่ แผงลอย 100 บาทต่อเดือนเป็นเวลา3เดือน

 

นอกจากนั้นยังมีมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรี ส่วน กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ในวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน เว้นแต่กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าเองทั้งหมด

น.ส.ทิพานันกล่าวอีกว่า ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน กรณีใช้น้ำประปา เกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท โดยส่วนเกินต้องชำระเอง เว้นแต่กรณีใช้น้ำประปา เกิน 315 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าน้ำประปาเองทั้งหมด ทั้งนี้ รัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรีได้ขยายระยะเวลาไปถึง 7 เดือน คือ ตั้งแต่ตุลาคม 2565 - เมษายน 2566

 

'พล.อ.ประยุทธ์ ห่วงใยและทุ่มเทให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสมบูรณ์ ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า ส่วนจะมีมาตรการใดๆออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ขอให้ติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐเท่านั้น' น.ส.ทิพานัน กล่าว