แฟชั่นแข่งเดือด‘บลูพิน’ถอดใจเลิก‘เซลิโอ’ เร่งคุมต้นทุนเฟ้นหาแบรนด์ใหม่ทำตลาดแทน

22 ก.ย. 2559 | 10:00 น.
บลูพิน ยกเลิกขาย "เซลิโอ" ปลายปีนี้ หลังเจ้าของแบรนด์ปรับนโยบายทำตลาด หันไปเน้นตลาดหลักในยุโรปและตะวันออกกลางแทน และหนีสงครามราคาเสื้อผ้าแฟชั่นแข่งเดือด หันมาเน้นทำตลาดแบรนด์ลิลลี่ โฟกัสจุดขายที่สร้างยอดขายและทำกำไร พร้อมปิดสาขาที่ขาดทุน ขณะเดียวกันยังมองหาแบรนด์ใหม่ที่มีศักยภาพเข้าเสริมพอร์ต

[caption id="attachment_99720" align="aligncenter" width="335"] จารุวรรณ ศรพระอินทร์  ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท บลูพิน อินเตอร์เทรด จำกัด จารุวรรณ ศรพระอินทร์
ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท บลูพิน อินเตอร์เทรด จำกัด[/caption]

นางสาวจารุวรรณ ศรพระอินทร์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท บลูพิน อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น อาทิ พอร์ทแลนด์ (PORTLAND) คลาสสิฟาย (CLASSIFY) ลิลลี่ (LILY) และเซลิโอ (celio) เป็นต้น เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้เตรียมยกเลิกการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เซลิโอภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เนื่องจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ที่ประเทศฝรั่งเศสได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการทำตลาดใหม่ ด้วยการหันไปโฟกัสตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปและตะวันออกกลางแทนประเทศในเอเชีย และสาเหตุสำคัญอีกประการ คือ ราคาจำหน่ายยังสูงเมื่อเทียบกับสินค้าแฟชั่นแบรนด์อื่น รวมถึงภาวะการแข่งขันที่รุนแรงด้วย

"เจ้าของแบรนด์ได้เริ่มลดขนาดธุรกิจนอกประเทศฝรั่งเศสลง โดยปิดสำนักงานที่ดูแลตลาดเอเชียที่ฮ่องกง และยังยุติการทำตลาดในหลายประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไต้หวัน ส่วนในไทยบริษัทไม่ได้ต่อสัญญาและได้ปิดจุดขายลงแล้ว 14 แห่ง ยังเหลือจุดจำหน่ายอีก 1 แห่งที่จังซีลอน จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า จากการเห็นสัญญาณที่เจ้าของแบรนด์จะไม่ทำตลาดในเอเชีย บริษัทจึงไม่ได้สั่งสินค้าใหม่หรือทำตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนสินค้าที่มีอยู่ได้ระบายสต็อกออกไปล่วงหน้าแล้ว คาดว่าก่อนหมดสัญญาสินค้าอาจจะเหลือเพียงหลักร้อยหรือไม่เกิน 1,000 ตัวเท่านั้น"

ปัจจุบันบริษัทได้หันมาทำตลาดและเน้นการสร้างแบรนด์ เสื้อผ้าแฟชั่นสตรีแบรนด์ลิลลี่แทน ซึ่งถือเป็นสินค้าอินเตอร์แบรนด์เพียงแบรนด์เดียว ที่ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการทำตลาด เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีโอกาสสร้างการเติบโตได้ เมื่อเทียบกับสินค้าแฟชั่นที่จำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าปัจจุบัน ด้วยแบรนด์สินค้าที่มีความชัดเจน ทั้งรูปแบบ ดีไซน์ และคุณภาพที่แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด รวมถึงเป็นแบรนด์ที่จับตลาดระดับกลางถึงบน ที่ถือเป็นช่องว่างทางการตลาด ยังไม่มีแบรนด์สินค้าสตรีทำตลาดเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มฟาสต์แฟชั่นที่จะมีราคาค่อนข้างถูก และแบรนด์ที่จับตลาดบนที่มีราคาค่อนข้างสูง

"แบรนด์ลิลลี่ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าแนวบิสิเนสที่มีความเป็นแฟชั่น สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส และมีคุณภาพที่ดี ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งที่ชัดเจน และไม่ได้แข่งขันกับกลุ่มฟาสต์แฟชั่น หลังจากที่บริษัทวางแผนยกเลิกทำตลาดแบรนด์เซลิโอ ก็จะหันมาเน้นทำตลาดกับแบรนด์ลิลลี่ให้มากขึ้น โดยได้เตรียมเก็บฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อมาจัดทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ผ่านบัตรบลูพิน ที่เดิมใช้เฉพาะแบรนด์โลคัล แต่จะนำลูกค้าของแบรนด์ลิลลี่เข้ามาร่วมในการรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ กับบัตรบลูพิน นอกเหนือไปจากการทำตลาด การลงโฆษณานิตยสาร การประชาสัมพันธ์ และการจัดอีเวนต์ต่างๆ"

นอกจากนี้ บริษัทยังได้พิจารณาปรับลดจุดจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เหลือจุดจำหน่ายเฉพาะที่มีศักยภาพและสร้างผลกำไรเท่านั้น จุดจำหน่ายที่ไม่ทำกำไรบริษัทได้ปิดจุดจำหน่ายดังกล่าว ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้ารวม 26 แห่ง เป็นการเปิดเพิ่มใหม่ในปีนี้ 3 แห่ง และปิดสาขาลง 5 แห่ง ถือว่าเป็นการบริหารจุดจำหน่ายให้เหมาะสมกับสถานที่และกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในปีหน้ายังวางแผนที่จะลดสาขาไม่ทำกำไรและเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพด้วย โดยคาดว่าจะมีสาขาประมาณ 2 แห่งที่จะพิจารณาปิดจุดจำหน่าย

แบรนด์ลิลลี่มียอดขายคิดเป็นสัดส่วน35-40% ของยอดขายโดยรวม ซึ่งในปีนี้คงจะไม่เน้นการสร้างยอดขายให้เติบโตเพิ่มมากขึ้น แต่จะเน้นการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพการบริหารงาน เพื่อสร้างผลกำไรมากกว่า ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสทางการตลาด สำหรับการเพิ่มแบรนด์สินค้าแฟชั่นใหม่เข้าทำตลาด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา โดยเป็นแบรนด์สินค้าจากประเทศในเอเชีย ที่ถือว่ามียอดขายสูงในประเทศดังกล่าว และเป็นแบรนด์สินค้าที่มีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งความเป็นไปได้คาดว่าจะเห็นความชัดเจนและเริ่มเข้าทำตลาดได้ในช่วงกลางปีหน้านี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,194 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2559