อินเตอร์ลิ้งค์ฯรุกประมูลงานรัฐ-เอกชนกว่า 9 พันล้านรับดาต้าเซ็นเตอร์

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่จากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท เพื่อเสริมพอร์ตในระยะกลางถึงยาว 

ขณะที่ ITEL เตรียมเสนอจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ITEL Global กับพันธมิตรจากสิงคโปร์ เพื่อขยายธุรกิจโครงข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียน

ทั้งนี้ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับมั่นคง ทั้งด้านรายได้ และกำไรสุทธิ แม้สภาวะเศรษฐกิจ และตลาดจะมีความผันผวน กลุ่มบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม รวมถึงลงทุนในเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

อีกทั้งยังคงมองเห็นแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2568 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และอุปกรณ์เครือข่าย ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นชัดเจน จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และการขยายตัวของภาคดิจิทัลทั่วประเทศ

สำหรับธุรกิจสายสัญญาณยังเป็นฐานหลัก รายได้กว่า 2.2 พันล้าน กลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท สร้างรายได้ในช่วง 9 เดือนแรก 2,202.21 ล้านบาท ลดลง 10.16% จากปีก่อน 

ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 243.02 ล้านบาท ลดลง 8.15% แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ โดยได้แรงหนุนสำคัญมาจากความต้องการสายสัญญาณและอุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ ดาต้าเซ็นเตอร์, AI และโครงข่ายดิจิทัล ทั้งจากภาคเอกชนและโครงการภาครัฐ ซึ่งบริษัทมองว่า หากนโยบายกระตุ้นการลงทุนด้านเศรษฐกิจดิจิทัลเดินหน้าได้ตามแผน จะส่งผลบวกต่อคำสั่งซื้อในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างเข้าประมูลโครงการสายเคเบิลใต้น้ำแรงดันสูง 230 เควี ขนอม–เกาะสมุยมูลค่า 9,125 ล้านบาท รวมถึงโครงการสายเคเบิลใต้น้ำ 115 เควี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งได้รับการคัดเลือกแล้วและอยู่ระหว่างรออนุมัติ

นายสมบัติ กล่าวต่อไปอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการจัดกิจกรรม NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เพื่อนำเสนอภาพรวมเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อดาต้าเซ็นเตอร์ และเครือข่ายความเร็วสูง รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในปี 2026 เพื่อสะท้อนมุมมองเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่ระบบสายสัญญาณใยแก้วนำแสง โซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการออกแบบโครงข่ายที่รองรับ AI, Cloud และ Big Data ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ภาคธุรกิจต้องลงทุนอย่างจริงจังในระยะยาว

“ทิศทางเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจในช่วงถัดไป ท่ามกลางการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่เข้มข้นขึ้น”