KEY
POINTS
ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจเครื่องดื่มทั่วโลก “ชา” กำลังกลับมาเป็นพระเอกอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีการเติบโตสูง ทั้งในเชิงตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นจากบทบาทของจีนในฐานะแหล่งกำเนิดชาที่สำคัญของโลก และประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ชารายใหญ่ที่สุดอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 จีนมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ชาและสารสกัดจากชา 1.81 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 57.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.88% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปี 2566
แม้ตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญจะลดลงกว่า 10% เหลือ 215.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตลาดเอเชียกลับขยายตัวและเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ โดยเฉพาะเวียดนามและฮ่องกงที่ขยายตัวถึง 19.37% และ 9.89% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นทิศทางการบริโภคและโอกาสเชิงเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน
เทรนด์ดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มขึ้นของการบริโภคชาแบบดั้งเดิม แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดจีน
ขณะเดียวกันรายงานจาก iiMedia Research ระบุว่า ปี 2568 ตลาดชาเพื่อสุขภาพของจีนจะมีมูลค่ากว่า 64,270 ล้านหยวน (ราว 2.88 แสนล้านบาท) เติบโต 25.3% และคาดว่าภายในปี 2568 จะทะลุ 1 แสนล้านหยวน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นตามแนวคิด “ดื่มเพื่อสุขภาพ–ดื่มเพื่อคุณค่า”
กลุ่มผู้บริโภคหลักของเทรนด์นี้อยู่ในช่วงอายุ 25–45 ปี ซึ่งมองหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ โดยข้อมูลระบุว่า มากกว่า 90% ของผู้บริโภคใช้เงินเพื่อดื่มชาเพื่อสุขภาพเกิน 50 หยวนต่อเดือน และกว่า 40% เลือกชาเพราะส่วนผสมสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกาย เช่น ดอกสายน้ำผึ้งและรากหวงฉี ขณะที่เกือบ 60% ให้ความสำคัญกับรสชาติ และกว่า 40% ใช้ข้อมูลรีวิวออนไลน์ในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งสะท้อนบทบาทของสื่อดิจิทัลในพฤติกรรมการบริโภคยุคใหม่อย่างเด่นชัด
ทิศทางนี้ผลักดันให้แบรนด์ชาในจีนและเอเชียปรับกลยุทธ์จากการขาย “ชาดื่มง่าย” ไปสู่การนำเสนอ “ชาคุณภาพ–ชาพรีเมียม–ประสบการณ์ชา” ซึ่งรวมถึงการออกแบบเครื่องดื่มโดยใช้วัตถุดิบธรรมชาติ การสร้างคาแรกเตอร์ร้านให้สะท้อนวัฒนธรรม และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน ตลาดก็ขยายวงกว้างไปสู่รูปแบบการบริโภคที่หลากหลาย ทั้งชาแบบ Cold Brew, ชา Functional เพื่อการนอนหลับและการย่อยอาหาร รวมถึง Tea Bar และ Tea Lounge รูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมือง
หนึ่งในแบรนด์ที่สะท้อนภาพดังกล่าวได้ชัดเจนคือ CHAGEE (ชาจี) ผู้พัฒนาประสบการณ์ชาไลฟ์สไตล์จากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งก่อตั้งในปี 2560 ด้วยแนวคิด “ฟื้นฟูวัฒนธรรมชาแบบคลาสสิกให้อยู่ในรูปแบบร่วมสมัย” โดยผสานวัตถุดิบชาใบเต็มใบคุณภาพสูงเข้ากับการออกแบบร้านที่ทันสมัยและบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่มีความละเอียดอ่อน
นางสาวชุมพิชา พัฒนาหิรัญ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด CHAGEE ประเทศไทย กล่าวว่า “เป้าหมายของ CHAGEE คือสร้างประสบการณ์ชาแบบพรีเมียมที่เข้าถึงง่าย พร้อมนำเสนอช่วงเวลาของความสงบและสมดุลในชีวิตประจำวันผ่านเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและรสชาติที่ประณีต”
การเข้ามาในตลาดไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจในเอเชีย เนื่องจากไทยมีพื้นฐานการบริโภคเครื่องดื่มเข้มแข็ง ผู้บริโภคมีความเปิดกว้างในการทดลองสินค้าใหม่ และมีแนวโน้มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ปัจจุบัน CHAGEE เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 14 สาขาในประเทศไทย และเตรียมขยายเพิ่มในทำเลศักยภาพ
กลยุทธ์หลักของ CHAGEE ในไทยประกอบด้วย การพัฒนาสูตรเครื่องดื่มตามฤดูกาล การคัดสรรชาใบเต็มใบจากแหล่งผลิต และการนำเสนอเมนูสุขภาพที่ไม่มีสารปรุงแต่งกลิ่น น้ำตาลเทียม และไขมันทรานส์ รวมทั้งการทำแคมเปญร่วมกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เช่น POP MART เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมร่วมสมัยและคุณค่าด้านความงามของสินค้า
ด้านภาพรวมตลาดอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย แม้จะเผชิญการแข่งขันสูงจากทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟและเครื่องดื่มแบบ Specialty แต่ปัจจัยบวกจากเทรนด์สุขภาพ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอิทธิพลของโซเชียลมีเดียยังช่วยผลักดันให้ตลาดมีความคึกคักต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมียมและกลุ่ม Lifestyle Beverage ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ท้ายที่สุด เทรนด์ชาเพื่อสุขภาพและการเติบโตของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและคุณค่าของชา เช่น CHAGEE เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์–สุขภาพ–คุณภาพ–ตัวตน” มากกว่าเพียงราคา หรือความสะดวกเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ “ชา” ไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่เป็นสัญลักษณ์ของการใช้ชีวิตที่สมดุลและใส่ใจสุขภาพในโลกยุคใหม่