นักวิจัย มธ. โชว์ 8 นวัตกรรมเพื่อชาวนาไทย

21 มิ.ย. 2559 | 08:10 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2559 | 15:46 น.
นักวิจัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โชว์เทิร์นคีย์ 8 นวัตกรรมเพื่อชาวนาไทย ได้แก่ นวัตกรรมดำนาน้ำน้อย นวัตกรรมเมล็ดข้าวให้เป็นรูเพื่ อเร่งการดูดซึมน้ำ นวัตกรรมข้าวหอมมะลิธรรมศาสตร์ นวัตกรรมผงเร่งโต นวัตกรรมเครื่องพยากรณ์การเกิ ดโรคในนาข้าว นวัตกรรมผงย่อยสลายฟางข้าว นวัตกรรมบิสกิตจากข้าวไรซ์เบอร์ รี่ และนวัตกรรมเค้กโรลจากข้ าวหอมมะลิ ทั้งนี้ มธ. ยังคงมุ่งพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิ ดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการสร้างบัณฑิตยุ คใหม่ให้มีคุณสมบัติผู้นำแห่ งศตวรรษที่ 21 อันสอดรับตามแนวคิด “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์...มหาวิ ทยาลัยเพื่อประชาชน” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที ่ งานสื่อสารองค์กร มธ.ศูนย์รังสิต หมายเลขโทรศัพท์ 02-564-4493 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ www.tu.ac.th

ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า มธ.ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มุ่ งส่งเสริมและพัฒนาหลักสู ตรการเรียนการสอน ให้ครอบคลุมทั้งในด้านวิ ทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตลอดจนบูรณาการทุกองค์ความรู้ เพื่อต่อยอดงานวิจัยหรือนวั ตกรรมที่เอื้อประโยชน์แก่สังคม อย่างไรก็ตาม มธ. ตระหนักถึงความสำคัญของการนำวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาพัฒนาด้ านการเกษตรของไทย โดยเฉพาะการปลูกข้าวซึ่งเป็นพื ชพื้นฐานของประเทศไทย โดยที่ผ่านมา มธ. มีผลงานการวิจัยและนวัตกรรมที่ เกี่ยวข้องกับข้าวจำนวนมาก โดยเริ่มตั้งแต่การบำรุงเตรี ยมดินให้เหมาะสมแก่การปลูกข้าว การคัดเลือกหรือดัดแปลงสายพันธุ ์ข้าว การดูแลให้ปุ๋ยแก่ต้นข้าว การกำจัดวัชพืชในนาข้าว ตลอดจนการแปรรูปข้าว โดย ไฮไลท์ของนวัตกรรมเกี่ยวกับข้าว มีจำนวน 8 ผลงาน ได้แก่ นวัตกรรมดำนาน้ำน้อย นวัตกรรมเมล็ดข้าวให้เป็นรูเพื่ อเร่งการดูดซึมน้ำ นวัตกรรมข้าวหอมมะลิธรรมศาสตร์ นวัตกรรมผงเร่งโต นวัตกรรมเครื่องพยากรณ์การเกิ ดโรคในนาข้าว นวัตกรรมผงย่อยสลายฟางข้าว นวัตกรรมบิสกิตจากข้าวไรซ์เบอร์ รี่ และนวัตกรรมเค้กโรลจากข้ าวหอมมะลิ ซึ่งทั้ง 8 ผลงานดังกล่าว เป็นเพียงตัวอย่างของความสำเร็ จของ มธ. ในการพัฒนาผลงานด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้สามารถแก้ไขปัญหาของสังคมได้ จริง ซึ่งสามารถสะท้อน อัตลักษณ์และปณิธานของมหาวิ ทยาลัยที่ว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์...มหาวิ ทยาลัยเพื่อประชาชน”

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ สาขาวิชาการจัดการเกษตรอินทรีย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทีมวิจัย ได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ ยวข้องกับข้าวด้วยเล็งเห็นถึ งความสำคัญของข้าว ที่มีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิ ตคนไทยมาแต่อดีต อีกทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ สร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ในทางกลับกันเกษตรกรไทย กลับสูญเสียค่าใช้จ่ ายจำนวนมากไปกับการจัดการต่าง ๆ เพื่อบำรุงดินและต้นข้าวให้ ออกรวงสวยและมีน้ำหนัก ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดการสูญเสียที่เกิ ดขึ้น จึงนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมเพื่ อให้ได้ข้าวพันธุ์ดีในรูปแบบที่ หลากหลาย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

นวัตกรรมผงเร่งโต”(หรือบีพี- ไบโอออร์ก้า) ชีวผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากแบคที เรียบาซิลลัส (Bacillus)สายพันธุ์พิเศษTU-Orga1 ในรูปของผงละลายน้ำที่สามารถเก็ บรักษาได้นานถึง 18 เดือนโดยมีคุณสมบัติช่วยบำรุ งให้พืชสมบูรณ์แข็งแรง กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนพื ชและการใช้ธาตุอาหารของพืชอย่ างเหมาะสม สามารถควบคุม/ป้องกันโรคที่ อาจเกิดขึ้นในพืช อันได้แก่ โรคขอบใบแห้ง ใบจุดสีน้ำตาล ใบขีดสีน้ำตาล โรคกาบใบแห้ง ฯลฯ รวมถึงช่วยให้พืชได้ผลดี ตรงตามพันธุกรรมโดยไม่กระทบต่ อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถฆ่าเชื้อที่ติ ดมากับเมล็ดพันธุ์เพิ่มผลผลิตพื ช อาทิ ข้าว พืชผัก ข้าวโพดและถั่วเหลือง เป็นต้นทั้งนี้นวัตกรรมดังกล่ าวได้รับรางวัล ผลงานวิจัยวิทยานิพนธ์ระดับดี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2557

นวัตกรรม “พยากรณ์การเกิดโรคของต้นข้ าวในนาข้าว” ชุดเซนเซอร์เก็บข้อมู ลสภาพอากาศในนาข้าว อันได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณน้ำฝนแบบ Real-time บริเวณแปลงนาในระยะ  1กิโลเมตรพร้อมกับส่งข้อมูลผ่ านสัญญาณไร้สายไปยั งโปรแกรมเฉพาะและเตือนผู้ปลูกข้ าวให้เฝ้าระวังการเกิด 5 โรคสำคัญกับต้นข้าวล่วงหน้า คือ โรคใบไหม้ โรคใบขีดโปร่งแสง โรคขอบใบแห้ง โรคใบจุดสีน้ำตาล และโรคเมล็ดด่าง พร้อมแนะนำแนวทางป้องกันกำจั ดโรค ที่มีราคาถูก ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วไปยังสมาร์ ทโฟนของเกษตรในทันที ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าว ได้นำร่องใช้จริงโดยไม่มีค่าใช้ จ่าย ณ ผืนนาของเกษตรกรในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีความแม่นยำสูงถึง 90% ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการพั ฒนาโปรแกรมเฉพาะให้มีความแม่ นยำสูงขึ้นและมีประสิทธิ ภาพในการพยากรณ์โรคอื่น ๆ ของข้าวได้ ตลอดจนตั้งเป้าขยายพื้นที่ ทดสอบไปยังภาคต่าง ๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าวที่ สำคัญของประเทศโดยล่าสุด นวัตกรรมดังกล่าว สามารถคว้ารางวัลเหรียญทองแดง จากเวทีประกวดนวัตกรรมนานาชาติ ครั้งที่ 44 ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา

นวัตกรรมย่อยสลายเศษพืชและฟางข้ าว (หรือ “ไบโอออร์ก้า-พลัส”) นวัตกรรมย่อยสลายเศษซากพืช ในรูปของสารละลายชนิดผงที่ต้ องผสมน้ำในอัตราที่เหมาะ เพื่อฉีดพ่นต้นพืชหรือหมักฟางข้ าวก่อนไถกลบมีคุณสมบัติช่วยบำรุ งดินให้พร้อมต่อการเติบโตของต้ นข้าว โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้าง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มธาตุอาหารที ่จำเป็นกับพืชและป้องกันโรคในพื ช อาทิ โรคขอบใบแห้ง ใบจุดสีน้ำตาล ใบขีดสีน้ำตาล โรคกาบใบแห้ง และโรคเน่าคอรวง

ด้าน ดร.สุธีรา วัฒนกุล นักวิจัยจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการอาหารอาจารย์ที่ ปรึกษางานวิจัยการแปรรูปข้าวสู่ ผลิตภัณฑ์ขนมเค้กข้าว และบิสกิตจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ กล่าวว่า สำหรับการแปรรูปข้าวสู่ผลิตภั ณฑ์ขนมเค้กและขนมกรุบกรอบ มีแนวคิดมาจากการคิดต่อยอดเพื่ อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้ าวสารหลังการเก็บเกี่ยว ประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรี บของคนในปัจจุบันที่ต้องการผลิ ตภัณฑ์อาหารที่สามารถทานง่ ายและได้ประโยชน์โดยเป็ นการนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี อาหาร ผนวกกับศิลปะในการปรุงแต่งสีสั นและรสชาติโดยมีรายละเอียดดังต่ อไปนี้

ผลิตภัณฑ์บิสกิตจากแป้งข้าวไรซ์ เบอร์รี่ ขนมบิสกิตที่กรอบนอกนุ่มใน ทานง่าย พกพาสะดวก แต่ยังคงคุณประโยชน์จากข้าวไรซ์ เบอร์รี่เสริมโปรตีนสกัดจากถั่ วอย่างเต็มอัตรา โดยจะให้พลังงานสูง ชะลอความแก่ บำรุงสายตา ป้องกันผมร่วง รวมถึงป้องกันอาการเหน็บชา ฯลฯ อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อยู่ในระหว่างการยื่นอนุสิทธิบั ตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา

ผลิตภัณฑ์เค้กโรล(Roll cake) ขนมเค้กโรลผลิตจากแป้งข้ าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งข้าวขาวดอกมะลิ 105เป็นธัญพืชที่ปราศจากกลูเตน จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่แพ้กลู เตน ประกอบกับการใช้กัมจากเมล็ ดแมงลักที่จะช่วยปรับปรุงเนื้ อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ ้น นอกจากนี้ ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีส่วนประกอบเป็ นครีมเสาวรส ที่มีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม และมีกลิ่นหอมหวาน ซึ่งเสาวรสเป็นผลไม้ที่มีคุณค่ าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ร่ างกายทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อยู่ในระหว่างการยื่นอนุสิทธิบั ตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา

“มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งมั่นสู่การเป็นสถาบันการศึ กษาเพื่อสังคมไทยปลูกฝังจิตวิ ญญาณธรรมศาสตร์ต่อบุคลากรและนั กศึกษา ด้วยการยึดมั่นในความเป็นธรรม การมีจิตสาธารณะ และการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการสร้างบัณฑิตยุ คใหม่ให้มีคุณสมบัติผู้นำแห่ งศตวรรษที่ 21 สอดรับตามแนวคิด “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์...มหาวิ ทยาลัยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ”