KEY
POINTS
นายณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดหนังสือไทยในปีนี้จะเติบโตและมีมูลค่ารวมราว 2 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่น คือความสำเร็จจากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 (Book Expo Thailand 2025) ที่ได้รับการตอบรับดีเกินคาด เห็นได้จากจำนวนผู้อ่านและยอดขายที่เกิดขึ้น สวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้คาดการณ์ว่าปีหน้าตลาดหนังสือจะยังคงเติบโตต่อเนื่องราว 5–10%
โดยแนวโน้มการเติบโตในปีหน้าปัจจัยหลักมาจาก “สื่อผสม” (Cross Media) ที่ส่งเสริมการอ่าน เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ พอดแคสต์ รวมถึงการเติบโตของ E-Book และ Audio Book ที่ทำให้การเข้าถึงหนังสือสะดวกยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือ ราคาหนังสือที่สูงขึ้น ส่วนแบ่งรายได้ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ยังค่อนข้างมาก และพื้นที่จัดเก็บหนังสือของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปและมีจำกัด
อย่างไรก็ดี จากการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งนี้ ซึ่งมีสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 7% ส่งผลให้มีเงินสะพัดภายในงานกว่า 474 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจากการเก็บรวบรวมสถิติพบว่า กลุ่ม “Gen Z” อายุระหว่าง 12–28 ปี มีสัดส่วนผู้เข้าร่วมงานสูงถึง 70% เพิ่มขึ้น 20% จากการจัดงานครั้งก่อน
สะท้อนอย่างชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับ “หนังสือเล่ม” และมอง “การอ่าน” เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ขณะเดียวกันพบว่านักอ่านมียอดการซื้อหนังสือ ใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาทต่อคน โดยหนังสือที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ นิยาย, การ์ตูน/มังงะ, How-to / ให้กำลังใจ, ตำราเรียนและหนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน
“ปีก่อนจะเห็นว่าหนังสือประเภทการ์ตูน/มังงะ ได้รับความนิยมสูงสุด แต่ปีนี้ “นิยาย” กลับเติบโตและแซงหน้าการ์ตูน โดยเฉพาะนิยายแนวสยองขวัญ–สืบสวนสอบสวน, นิยายแฟนตาซี, นิยายรัก, นิยายวาย (Boys’ Love) และนิยายยูริ (Yuri) ซึ่งทั้งหมดสะท้อนรสนิยมการอ่านที่เปิดกว้างและมีสีสันของคนรุ่นใหม่”
นายณัฐกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยความสำเร็จของงานครั้งนี้ มาจากการที่สำนักพิมพ์ต่างๆ ปรับกลยุทธ์อย่างสร้างสรรค์ ทั้งการนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจผู้อ่าน การสร้างกระแสผ่านโซเชียลมีเดียด้วยการเปิดตัวหนังสือใหม่ การรีวิวไวรัล ไปจนถึงการผลิตหนังสือในรูปแบบพิเศษ เช่น ปกสกรีนสีสันโดดเด่นบริเวณสันปกและขอบกระดาษ หรือปกวาดมือแบบ Limited Edition ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศและเริ่มเติบโตในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มนักสะสมที่มองว่าหนังสือคือ งานศิลปะที่คู่ควรแก่การสะสม
ทั้งนี้จากการสำรวจพฤติกรรมการอ่านและการซื้อหนังสือของคนไทย ในปี 2567 พบว่า คนไทยมีการอ่านหนังสือเฉลี่ย 50.77 นาที/วัน โดยเป็นการอ่านในรูปแบบกระดาษ 51.37 นาที/วัน และการอ่านทุกอย่างบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 152.10 นาที/วัน โดยรูปแบบหนังสือที่คนไทยนิยมอ่าน ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ 56.13% หนังสือกระดาษ 26.16% และ หนังสือเสียง 15.76%
“การส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ตลอดจนคนไทยได้อ่านหนังสือ จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการนำไปใช้ต่อยอดในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการสร้างงานเป็นอาชีพ รวมถึงผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งสมาคมพร้อมสนับสนุนและผลักดันให้มาตรการต่างๆ เหล่านี้ เข้าถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,142 วันที่ 23 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568