“คนละครึ่งพลัส” เขย่าโค้งท้ายคึกคัก ร้านอาหาร–ค้าปลีกภูธร เตรียมรับทรัพย์

13 ต.ค. 2568 | 07:10 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2568 | 07:14 น.

เอกชนประสานเสียง “คนละครึ่งพลัส” ตอบโจทย์เศรษฐกิจได้จริง มั่นใจปลุกกำลังซื้อโค้งท้าย ต่อลมหายใจธุรกิจรายเล็ก - รายกลาง เพิ่มยอดขาย กระตุ้นการใช้จ่ายฟื้นฟูบรรยากาศการค้าขาย ลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ

ในช่วงปลายปี 2568 ที่เศรษฐกิจไทยยังคงเดินอยู่บนเส้นทางที่เปราะบางจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” กลายเป็นสัญญาณแห่งความหวังของผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนทั่วไปที่รอการฟื้นตัวของกำลังซื้อในระบบ การนำโครงการคนละครึ่งมาต่อยอดแนวคิดเดิม เพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการเข้าถึงประชาชน ผ่านกลไกการชำระเงินดิจิทัลและระบบตรวจสอบภาษีที่โปร่งใสยิ่งขึ้น เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทลประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาตรการคนละครึ่งถือเป็นความหวังของผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูกาลจับจ่ายสำคัญ โดยร้านอาหารที่มีรายได้ระหว่าง 1.8 - 30 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยราว 2.5 ล้านบาทต่อเดือน จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการพยุงธุรกิจและช่วยรักษาการจ้างงานในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

“คนละครึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้จริง เพราะเป็นการใส่เงินเข้าสู่ระบบการบริโภคโดยตรง ร้านอาหารได้ยอดขาย ประชาชนได้ลดภาระค่าใช้จ่าย และรัฐเองก็ได้ฐานข้อมูลทางภาษีที่ชัดเจนขึ้นในระยะยาว ซึ่งคาดว่ามาตรการนี้จะช่วยผลักดัน GDP ในช่วงไตรมาสสุดท้ายให้เติบโตในกรอบ 1.8–2.5% หากภาครัฐสามารถขับเคลื่อนมาตรการอื่น เช่น Soft Loan เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการรายย่อยควบคู่ไปด้วย

“แม้การนำร้านอาหารเข้าสู่ระบบภาษีอาจต้องใช้เวลา แต่การสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของรัฐ จะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่การสร้างระบบภาษีที่เป็นธรรมและการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจท้องถิ่น”

“คนละครึ่งพลัส” เขย่าโค้งท้ายคึกคัก ร้านอาหาร–ค้าปลีกภูธร เตรียมรับทรัพย์

สอดรับกับนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ที่ย้ำว่า โครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการที่ตรงจุดที่สุดในการช่วยเหลือทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารรายเล็กและรายกลางที่ได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

“เสียงจากประชาชนและผู้ประกอบการไปในทิศทางเดียวกัน คือโครงการนี้ช่วยได้จริง เพราะเงินหมุนเข้าระบบทันที ร้านอาหารได้ยอดขาย คนกินได้ลดค่าใช้จ่าย เกษตรกรและผู้ผลิตวัตถุดิบก็ได้อานิสงส์ จากปัจจุบันที่ยอดขายร้านอาหารลดลงเฉลี่ย 25–50% จากปีก่อน เชื่อว่าการกลับมาของคนละครึ่งจะช่วยพยุงธุรกิจให้ยืนได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจไทย”

นอกจากนี้จะช่วยกระตุ้นซัพพลายเชนอาหารในท้องถิ่นทั่วประเทศ สร้างงานให้แรงงานในห่วงโซ่ ตั้งแต่เกษตรกรจนถึงแรงงานบริการ เป็นมาตรการที่มี “ผลกระทบเชิงบวกเป็นลูกโซ่” ต่อเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริงด้วย

ขณะที่เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ในเชียงราย ให้ความเห็นว่า “คนละครึ่งพลัส” หรือโครงการลักษณะต่อเนื่อง เช่น “ธงฟ้าประชารัฐ” เป็นนโยบายที่จับต้องได้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคได้จริง

“หากรัฐบาลเดินหน้าได้จริง เศรษฐกิจท้องถิ่นจะกลับมาคึกคัก เพราะโครงการนี้เข้าถึงคนเดือดร้อนจริง และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบโดยตรง ทั้งนี้การออกแบบโครงการควรมุ่งให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันดิจิทัล ไม่ใช้เงินสดเหมือนโครงการแจกเงินหมื่น เพื่อป้องกันการนำเงินไปใช้หนี้ครัวเรือนซึ่งไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้เชื่อว่ากำลังซื้อในไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาดีขึ้น 5–10% โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวและอากาศเย็น และการมีมาตรการภาครัฐเข้ามาเสริมจะยิ่งช่วยให้ค้าปลีกภูธรฟื้นตัวเร็วขึ้น บริษัทจึงเตรียมอัดโปรโมชั่นและจัดการสต็อกล่วงหน้า เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่จะพุ่งในช่วงวันแรก ๆ ของโครงการ”

“คนละครึ่งพลัส” เขย่าโค้งท้ายคึกคัก ร้านอาหาร–ค้าปลีกภูธร เตรียมรับทรัพย์

เช่นเดียวกับนายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด จ.อุดรธานี ที่ระบุว่า โครงการคนละครึ่งและธงฟ้าประชารัฐคือความหวังของตลาดค้าปลีก–ค้าส่งในภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยยาวนานจากปัจจัยเงินเฟ้อและรายได้ประชาชนไม่เพิ่มขึ้น แม้เงินยังไม่ไหลเข้าสู่ระบบทันที แต่ผู้ประกอบการต้องเริ่มเตรียมกลยุทธ์ไว้ล่วงหน้า ทำให้ต้องทำโปรโมชั่นตั้งแต่ก่อนโครงการเริ่ม เพื่อให้ลูกค้าจดจำ เมื่อโครงการเปิดจริง ลูกค้าจะรีบกลับมาซื้อทันที โดยคาดว่าในไตรมาส 4 นี้ กำลังซื้อของผู้บริโภคจะฟื้นกลับมาราว 70% จากระดับต่ำสุดในช่วงสามไตรมาสก่อนหน้า

“การกลับมาของคนละครึ่งในช่วงไฮซีซันจึงเป็นเหมือน “ออกซิเจนทางเศรษฐกิจ” ที่ช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจรายย่อยในต่างจังหวัด แต่ก็จะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการต่างแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังจำกัด”

ด้านนายประกอบ ไชยสงคราม ผู้บริหารบริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การฟื้นโครงการคนละครึ่งและธงฟ้าประชารัฐของรัฐบาลถือว่ามา “ถูกเวลา” เพราะช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงปลายปีที่เป็นฤดูจับจ่ายสำคัญ ถ้าไม่มีมาตรการนี้ ไตรมาส 4 ของปีนี้อาจหดตัวรุนแรง เพราะปัญหาภัยธรรมชาติและกำลังซื้อที่ซบเซามานาน ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจค้าปลีก–ค้าส่งในภูมิภาคต้องเผชิญการแข่งขันที่เข้มข้น แต่เชื่อว่าโครงการของรัฐจะช่วยให้ตลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

“โครงการรัฐจะช่วยบูมกำลังซื้อได้จริง แม้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เพียงพอให้ธุรกิจตั้งหลักและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือด้วยการทำโปรโมชั่นและบริหารต้นทุนให้เหมาะสม”

แม้จะมีความท้าทายเรื่องระยะเวลาของโครงการที่จำกัดและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงเห็นพ้องว่า “คนละครึ่งพลัส” เป็นมาตรการที่จำเป็นและมีผลจริงในทางเศรษฐกิจ เป็นทั้งเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่น สร้างการจ้างงาน และรักษาโมเมนตัมของการบริโภคในช่วงหัวใจสำคัญของปี

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,139 วันที่ 12 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568