ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศฯ ประกาศ 7ส.ค.ทำประชามติต้องเปิดให้ถกเถียง
เมื่อวันที่18มิถุนายน2559 ที่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมป์ฯ ในเวทีเสวนา “เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ กับอนาคตของประชาชน” จัดโดย ขบวนผู้หญิงเพื่อการปฏิรู ปประเทศไทย(WeMove) และองค์กรเครือข่ายผู้หญิ งจากกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศทั้งหญิงและชาย นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัย กว่า100 คน ทั้งนี้ระหว่างการเสวนาได้มีเจ้ าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดอนเมื องและทหาร กว่า10นาย เข้าร่วมสังเกตุการณ์
รองศาสตราจารย์ มาลี พฤกษ์พงศาวลี ผู้ประสานงานขบวนผู้หญิงปฏิรู ปประเทศไทย กล่าวว่า ขบวนผู้หญิงฯได้เกาะติดร่างรั ฐธรรมนูญและมีการจัดเวที ระดมความคิดเห็นทั้ง4ภาคมาอย่ างต่อเนื่อง และยิ่งจะมีการลงประชามติในวั นที่7ส.ค.นี้ยิ่งต้องจับตาเป็ นพิเศษ สิ่งที่เราต้องการคือ การบรรจุศักดิ์ศรีความเป็นมนุ ษย์ การไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิเสรีภาพของคนทุกกลุ่ม เช่น สิทธิด้านแรงงาน ด้านการศึกษา ด้านสังคม ซึ่งเด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มเพศสภาพ ต้องได้รับการคุ้มครองได้รั บการปฏิบัติที่เหมาะสม
“อย่าลืมว่าผู้หญิงอยู่ ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่ต่ างจากชาย มีสิทธิลงประชามติรับหรือไม่รั บร่างรัฐธรรมนูญกว่า26ล้านคน ซึ่งมากกว่าผู้ชาย1.6 ล้านคน ดังนั้นเรามีสิทธิตัดสินใจว่ าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และอยากให้สังคมเห็นคุณค่า ความสำคัญของผู้หญิงและควรเปิ ดโอกาสให้ได้มารับรู้กฎเกณฑ์ เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เกิดสัดส่วนผู้หญิงได้เข้ามาบริ หารและมีบทบาททางการเมืองทุ กระดับ” รองศาสตราจารย์ มาลี กล่าว
ดร.ถวิลวดี บุรีกุล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า คาดหวังว่าร่างรัฐธรรมนูญจะนำสั งคมไทยให้อยู่รอด โดยต้องศึกษาให้ดีและใช้ให้เป็ นประโยชน์ โดยเฉพาะร่างมาตรา25 เรื่องสิทธิเสรี ภาพของปวงชนชาวไทยร่างมาตรา71วร รค4เรื่องการจัดสรรงบประมาณ รัฐพึงคำนึงถึงความจำเป็ นและความต้องการที่แตกต่ างของเพศ วัย และสภาพของบุคคล เพื่อความเป็นธรรม ซึ่งกว่าขบวนผู้หญิงฯจะได้ มาตรานี้มาต้องต่อสู้หลายด้าน ซึ่งเครือข่ายผู้หญิงได้ติ ดตามและมีส่วนทำให้กรรมการร่ างรัฐธรรมนูญนำไปบรรจุในร่างรั ฐธรรมนูญ
“หากมีการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบั บนี้ ขบวนผู้หญิงฯต้องติดตามการวางยุ ทธศาสตร์ งบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างมาตรา71 ซึ่งผูกมัดรัฐบาล สิ่งสำคัญคือให้ประชาชน ต้องตรวจสอบรับรู้ได้ เกิดการมีส่วนร่วมในทุกระดับ” ดร.ถวิลวดี บุรีกุล กล่าว
รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ถือเป็นการเขียนร่างรัฐธรรมนู ญที่แปลกดี แม้ประชาชนจะมีสิทธิในการเลื อกสส.สว.แต่การได้มาซึ่งนายกรั ฐมนตรี มีบทเฉพาะกาลที่จะให้สิทธิสว. เป็นคนเลือกร่วมด้วย สว.มีมากถึง200คน และสว มาจากการสรรหาจากทหารเป็นหลัก ขณะที่ ส.ส.แนวโน้มจะได้พรรคขนาดเล็ก กลายเป็นว่า ประชาชนไม่มีสิทธิเลือกนายกรั ฐมนตรี หากร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้คำสั่งคสช.ตาม รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็อยู่ต่ อแม้มีการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งสากลโลกไม่ทำกัน เพราะเมื่อเกิดปัญหาจะใ้ช้รั ฐธรรมนูญฉบับไหน นอกจากนี้ยังให้บทบาทอำนาจสว. มากขึ้น ดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ชี ้ให้เห็นความล้มเหลว2ด้าน คือ ไม่เป็นประชาธิปไตย ให้อำนาจองค์กรอิสระมาก ถ้าขาดจริยธรรม แม้จะอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนู ญปราบโกง แต่ถ้าองค์กรอิสระเป็นคนโกงเอง ใครจะกล้าตรวจสอบได้ อีกปัญหาหนึ่ง รัฐธรรมนูญยังตัดสิทธิด้านสวั สดิการสาธารณสุขออกไป จำกัดที่กลุ่มผู้ยากไร้ จึงเกิดการตั้ งคำถามตามมามากมายว่าจะใช้เกณฑ์ อะไรในการวัดว่าคนไหนเป็นกลุ่ มคนยากไร้ เพราะเป็นอะไรที่ดูอนาถา ทั้งที่สวัสดิการตรงนี้ ประชาชนทุกกลุ่มควรได้รับสิทธิ และยังมีอีกหลายเรื่องที่รั ฐธรรมนูญฉบับนี้โยงสิทธิที่พึ งมีไปให้อำนาจรัฐมากเกินไป ประชาชนต้องรอให้รัฐเป็นคนหยิ บยื่นให้ รอรับความเมตตาจากรัฐเท่านั้น
ด้านนางสุนี ไชยรส ผอ.ศูนย์ส่งเสริ มความเสมอภาคและความเป็นธรรม วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า วันนี้สังคมต้องการบรรยากาศที่ เปิดให้มีการถกเถียงแลกเปลี่ยน เพื่อไปสู่ประชามติที่มีคุณภาพ ดังนั้นจุดยืนของขบวนผู้หญิงปฏิ รูปฯจึงเกาะติดการร่างรัฐธรรมนู ญตั้งแต่ก่อนร่าง จนถึงการลงประชามติ เพราะเราจะไม่ปล่อยให้ใครร่างรั ฐธรรมนูญตามใจชอบ เนื่องจากจะส่งผลเสียร้ายแรงกั บกฎหมายลูกทั้งเก่าและใหม่ เราจำเป็นที่ต้องได้นายกรั ฐมนตรีและสภาทุกระดับจากการเลื อกตั้ง แต่จะถูกตรวจสอบและถอดถอนได้ นอกจากนี้จะต้องมีประชาธิ ปไตยแบบมีส่วนร่วมและสิทธิชุ มชนของคนทุกกลุ่ม มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเสมอภาค และขอตั้งข้อสังเกตุคือ ที่มาขององค์กรอิสระส่วนใหญ่ไม่ ยึดโยงกับประชาชน และกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนแห่งชาติถูกตัดอำนาจออกไป จากการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุ ษยชนสามารถฟ้องศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ได้
“สิ่งที่หายไปหรือเขียนไว้แต่ ลดลงจากเดิมในรัฐธรรมนูญคือ บัญญัติสิทธิน้อยลง เช่น สิทธิแรงงาน สิทธิด้านการศึกษา ไม่มีระบบหลักประกันความเหลื่ อมล้ำต่างๆ ที่สำคัญคือตัดสิทธิการมีส่วนร่ วมของประชาชน และกำหนดชัดเจนว่า ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในทุกมิติ ทุกระดับในสัดส่วนใกล้เคียงกัน หายไปทั้งมาตรา หลังจากนี้ทุกองค์กรเครือข่ ายจะเผยแพร่ข้อเท็จจริงของร่ างรัฐธรรมนูญ เปรียบเทียบกับข้อเสนอของวีมู ฟที่จัดมาหลายเวที แล้วประเมินกันดูว่าจะตัดสิ นใจอย่างไร ถ้าผ่านก็จะต้องผลั กดันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าไม่ผ่านเราก็จะเกาะติดให้เสี ยงประชาชนและเสียงผู้หญิงได้รั บการรับฟังเช่นเดิม” นางสุนี กล่าว