4 ผู้นำธุรกิจเปิดสูตร SME ฝ่าวิกฤตปี 68 รอดด้วยแผน B โตด้วยการปรับตัว

24 ก.ค. 2568 | 12:39 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 12:39 น.

4 ผู้นำธุรกิจจากเวที PostToday Smart SME 2025 แชร์กลยุทธ์ฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ทรัมป์ขึ้นภาษี-ท่องเที่ยวซบ ไม่หวั่น! ตั้งรับด้วยนวัตกรรม ขยายตลาด สร้างแบรนด์แมส และต่อยอด Soft Power ไทย

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนจากภาษีทรัมป์ ความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์ และการชะลอตัวของการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากกำลังเผชิญโจทย์หินในการประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว วงเสวนา ช่วง SESSION IV: SUCCESS CASES ในงาน PostToday Thailand Smart SME 2025: Smart Solutions & Sustainable Growth จัดโดยโพสต์ทูเดย์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้กลายเป็นเวทีที่ 4 นักธุรกิจแนวหน้าของไทยมาร่วมแบ่งปันกลยุทธ์ “รอด-โต” อย่างตรงไปตรงมา

 

“ภาษีทรัมป์คือต้นทุนที่ SME เลี่ยงไม่ได้”

สรณ์ เยาวพงศ์ศิริ ผู้บริหาร บริษัท ฟลิ้งค์วัน จำกัด ยอมรับว่า ภาษีและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจ โดยเฉพาะการผลิตลิฟต์บ้าน ซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่ในหมวดค่าใช้จ่ายสูง “ลูกค้ามีกำลังซื้อน้อยลง เพราะต้นทุนหลายอย่างพุ่งขึ้น” อย่างไรก็ตาม ฟลิ้งค์วันเลือกยืนหยัดผ่านกลยุทธ์ R&D เชิงลึก พร้อมใช้ AI และ Automation ช่วยเพิ่ม Productivity แทนที่จะลดคุณภาพสินค้า “เราไม่ลดมาตรฐาน แต่เพิ่มประสิทธิภาพในต้นทุนเดิม เพื่อให้คนไทยเข้าถึงของดีได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุค Aging Society”

“เจอร์นัล” จากน้ำหอมท้องถิ่น สู่แบรนด์ไทยที่ไม่พึ่งนักท่องเที่ยวอีกต่อไป

จักรชลัช เกษจำรัส ผู้ก่อตั้ง Journal Corp เล่าว่า จากจุดเริ่มต้นที่เชียงใหม่ในปี 2560 เจอร์นัลเติบโตจากแบรนด์ที่พึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ 90% มาเป็นน้ำหอมไทยที่ครองใจผู้บริโภคในประเทศ ด้วยกลยุทธ์ “ทำสินค้าที่ดี ไปอยู่ในที่ที่ใช่ ในเวลาที่ใช่” ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าทำให้ธุรกิจสามารถ “โตด้วยแผน B” ได้แม้ในยุคโควิด-19 ที่ยอดขายเคยร่วงถึงศูนย์ ปัจจุบันเจอร์นัลมองการณ์ไกล “ทำงานหนัก 3 เท่า เปลี่ยนแผนทันทีที่สถานการณ์เปลี่ยน” พร้อมปลูกฝังทัศนคติการปรับตัวในทีมงานเพื่อรับมือวิกฤตใหม่ในอนาคต

 

“TIMSIAM” ไม่เน้นแมส แต่ขยายด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่น

อภัยกานต์ เขาแก้ว ซีอีโอ TIMSIAM และผู้ก่อตั้ง GW Bangkok เลือกใช้การออกแบบ “ไอศกรีมศิลปะ” ผสม Soft Power ไทยเป็นหัวใจหลัก ทั้งรสชาติแบบไทยแท้และรูปลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด เช่น ไอศกรีมรูปเต่าบนเกาะเต่า หรือรสมะม่วงข้าวเหนียวในอยุธยา “เราคือ SME ที่ไม่แข่งกับรายใหญ่ ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นแตกต่าง” ด้วยโมเดลธุรกิจที่เปิดรับผู้ร่วมขายทั่วประเทศ TIMSIAM ไม่เพียงขยายตลาดในไทย แต่ยังวางแผนส่งออก พร้อมกระจายรายได้กลับสู่ชุมชน

“MERGE” ไม่กระทบโดยตรง แต่ไม่ประมาท

อธิศ ทิพย์ชัยเชษฐา ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ MERGE กล่าวว่า แม้ลูกค้า 90% ของแบรนด์จะเป็นคนไทย ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบตรงจากภาษีทรัมป์ แต่ก็ต้องปรับกลยุทธ์ตลอดเวลาเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ “ต้องวิเคราะห์ตลาดให้ขาด อยู่ในจุดที่ยืดหยุ่นได้ และพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” ด้วยการทำ PR ให้ชัดเจน ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์ในสินค้ายีนส์และเสื้อผ้า พร้อมสร้างความเชื่อมั่นว่า MERGE คือแบรนด์ไทยที่ “คุ้มค่า” และ “ใช้ได้หลายโอกาส”

 

ทั้ง 4 วิทยากรฝากข้อคิดถึง SME ไทยว่า วิกฤตคือโอกาสของคนที่ “อ่านเกมขาด และกล้าปรับตัว” ธุรกิจที่ไม่ยึดติด ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง และเชื่อในพลังของทีมและความคิดสร้างสรรค์ ย่อมมีโอกาส “โตเร็ว” เมื่อพายุมลาย “อย่าทิ้งโอกาส คิดให้รอบคอบ และตัดสินใจให้ไว” คือสูตรสำเร็จของผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องพร้อมเสมอในสนามที่ไม่มีสคริปต์ตายตัว