AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือกุญแจสู่อนาคตธุรกิจ SME ไทยในยุคดิจิทัล

24 ก.ค. 2568 | 11:23 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2568 | 12:24 น.

Thailand SMART SME 2025 แนะนำการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายธุรกิจ SME อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางที่ช่วยลดภาระและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตในยุคดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การนำ AI มาปรับใช้ในธุรกิจกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตและความยั่งยืน โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

งานสัมมนา Thailand SMART SME 2025: SmartSolutions & Sustainable Growth จัดโดย "โพสต์ทูเดย์" ภายใต้ช่วง SMART GROWTH WITH AI ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ ดร. เอกสิทธิ์ พัชรวงศ์ศักดา, ดร.ศรีหทัย พราหมณี และนายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ มาแชร์ประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับการใช้งาน AI เพื่อยกระดับธุรกิจ SME โดยเน้นไปที่การทำงานอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูล และการบริการลูกค้า ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในโลกดิจิทัลที่ไม่หยุดนิ่ง

AI เปลี่ยนเกมการทำงาน เพิ่มพลังหรือเพิ่มภาระ

ดร. เอกสิทธิ์ พัชรวงศ์ศักดา Co-founder & Data Team Lead บริษัท Cube Analytics Consulting Co., Ltd. กล่าวว่า หลายคนกังวลว่า AI จะทำให้เราตกงาน แต่จากที่เห็นหลายแห่งที่นำ AI มาใช้ พบว่า AI ช่วยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถนำคนไปทำงานในด้านอื่นที่ต้องใช้ความสามารถของมนุษย์มากกว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่งานทั้งหมด

แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางงาน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับออโตเมชั่น จากนั้นคนสามารถไปทำงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ความรู้เชิงลึก หรือการใช้ทักษะที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้ ดังนั้น AI จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและอาจทำให้เรามีเวลาว่างมากขึ้นในบางด้าน

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการโครงการ AIS Infinite SME กล่าวว่า ในมุมมองของ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ แต่ในบางกรณีก็อาจทำให้เกิดงานเพิ่มขึ้น เพราะมันช่วยเสริมการคิดและประมวลผลในด้านต่างๆ การใช้ AI ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลและการประมวลผลอย่างมีระบบ

ทำให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเราพูดถึงเอไอ มันคือสมองของคอมพิวเตอร์ที่สามารถรับข้อมูล, แปลผลข้อมูล, และถ่ายทอดออกมาได้เหมือนสมองมนุษย์ แต่ที่แตกต่างคือตัวเอไอเป็นสมองที่อยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วมาช่วยตัดสินใจหรือสร้างผลลัพธ์ใหม่ๆ ได้

AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือกุญแจสู่อนาคตธุรกิจ SME ไทยในยุคดิจิทัล

AI ทำงานเหมือนสมองมนุษย์ที่ต้องรับข้อมูลและประมวลผลในระบบอย่างถูกต้อง และใช้พลังงานในการทำงานเหมือนกับสมองมนุษย์ นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บและประมวลผลข้อมูลเก่าๆ ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น

นาย สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ CEO SHIPPOP, Co founder – Shortcut AI กล่าวว่า AI เป็นเครื่องมือที่ทุกคนต้องเรียนรู้และใช้ในปัจจุบัน ตัวอย่างการทำงานของแชทบอทในปัจจุบัน ที่ไม่ต้องนั่งตั้งค่าด้วยตนเองเหมือนเมื่อก่อน เพราะสามารถให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่แล้วและสามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ AI ยังช่วยในกระบวนการต่างๆ เช่น การสรรหาพนักงาน การดึงข้อมูลลูกค้า หรือแม้กระทั่งการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นในธุรกิจ

ดร. เอกสิทธิ์ อธิบายว่า AI มีหลายประเภทที่ทำงานในลักษณะต่างๆ กัน หนึ่งในนั้นคือ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งเป็นประเภทของ AI ที่คาดว่าจะสามารถคิดและทำงานได้คล้ายคลึงกับมนุษย์ในหลายๆ ด้าน ในปัจจุบัน AI ที่เรามีอยู่นั้นยังไม่ถึงจุดนี้ แต่ใช้ AI เฉพาะทางที่ทำงานได้ดีในภารกิจจำเพาะ เช่น การตอบแชทบอทหรือการวิเคราะห์ข้อมูล โดยที่ AI ประเภทนี้ยังเรียกว่า ANI (Artificial Narrow Intelligence)

ในอนาคต AI อาจจะสามารถทำงานได้หลากหลายกว่าเดิม และบางทีอาจจะเก่งกว่าเราด้วยซ้ำ แต่ตามการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ บางทีการพัฒนา AGI อาจเกิดขึ้นจริงในช่วงปี 2030

AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือกุญแจสู่อนาคตธุรกิจ SME ไทยในยุคดิจิทัล

ถ้าเราไปไกลกว่านั้น ยังมี AI ที่เรียกว่า ASI (Artificial Super Intelligence) ซึ่งจะเก่งกว่ามนุษย์ในทุกๆ ด้าน เหมือนกับภาพในหนังที่ AI มีความสามารถเกินมนุษย์มากๆ เช่น ในเรื่อง The Terminator

สำหรับภาคธุรกิจ SME การนำ AI มาใช้สามารถเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีเครื่องมือ AI ที่ใช้งานได้ง่ายบนคลาวด์ ทุกวันนี้มันแทบจะไม่จำกัดการใช้งานเลย ถ้ามีไอเดียที่ดี SME สามารถนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และสร้างสิ่งต่างๆ ได้ เช่น การพัฒนาโปรแกรม หรือแม้กระทั่งการทำออโตเมชั่นต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แค่เริ่มต้นจากไอเดียแล้วเครื่องมือที่มีอยู่จะช่วยพัฒนาและทำให้ไอเดียเหล่านั้นกลายเป็นจริงได้

เคล็ดลับการใช้ AI ในธุรกิจ SME ใช้ให้เป็นแต่ต้องตรวจสอบให้ดี

ดร.ศรีหทัย กล่าวว่า การใช้ AI ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจว่า สิ่งสำคัญคือต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนแล้วค่อยเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสม โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนไม่เข้าใจกระบวนการทั้งหมด แม้จะรู้วิธีใช้เทคโนโลยีก็ตาม จุดที่หลายคนพลาดคือการขาด "area expert" หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ที่จะช่วยตรวจสอบและปรับปรุงผลลัพธ์จาก AI ให้มีคุณภาพและไม่เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ทั่วไปในตลาด

AI คือเครื่องมือที่ต้องใช้ "สมอง" ในการคุยและตัดสินใจอย่างรอบคอบ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องตรวจสอบข้อมูลที่ AI ตอบกลับมาเสมอ แม้จะมีการใช้ AI ช่วยในการทำงานและดิจิไทซ์กระบวนการแล้วก็ตาม ทุกคำตอบที่ได้จาก AI ควรถูกตรวจสอบซ้ำเพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องและความแตกต่างจากตลาด

ความท้าทายในการใช้งาน AI และเทคโนโลยีสำหรับ SME เมื่อความง่ายกลายเป็นปัญหา

นาย สุทธิเกียรติ กล่วาว่า การใช้งาน AI มีอุปสรรคหลายอย่างที่ทำให้ผู้คนหรือธุรกิจเล็กๆ อย่าง SME ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้เต็มที่ หนึ่งในปัญหาคือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเมื่อหมดช่วงทดลองฟรี

แม้ว่า AI จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ใช้งานง่าย แต่หลายคนยังไม่เข้าใจวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การใช้งาน AI ในการสร้างภาพเหมือนเด็กเจนซี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีขั้นตอนและวิธีการที่หลายคนยังไม่รู้ว่าจะต้องพร้อมอย่างไร

ปัญหาที่ SME ต้องเผชิญคือการขาดความเข้าใจในการเริ่มต้นใช้งาน AI หลายคนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ถึงแม้จะมีบทความหรือแหล่งข้อมูลมากมายที่อธิบายวิธีการ แต่สิ่งที่ขาดไปคือการสอนวิธีการที่เข้าใจง่ายและทำตามได้จริง

อีกตัวอย่างที่ให้เห็นคือคลิปการสมัครใช้งาน ChatGPT ที่ได้รับความนิยมมากถึงล้านวิว แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นกระบวนการง่ายๆ สำหรับคนในวงการเทคโนโลยี แต่สำหรับ SME แล้วมันกลับกลายเป็นเรื่องยากมาก การสมัครใช้เทคโนโลยีบางอย่างยังเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานอีเมล์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ นั่นหมายความว่าเราต้องมีการสอนการใช้งานพื้นฐานอย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง

AI ช่วยแก้ปัญหา จากการทำงานหน้าบ้านถึงการพัฒนาธุรกิจหลังบ้าน

ดร. เอกสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ SME มีอยู่สำคัญมาก เช่น ข้อมูลออเดอร์ หรือข้อมูลการขาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างได้ ถ้าเราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้ดี เราจะสามารถใช้ AI เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การใช้ AI ในการทำ Automation Workflow ในการจัดการออเดอร์ หรือเก็บข้อมูลในไฟล์ที่เป็นระบบได้

โดยในขั้นตอนแรกนี้ เครื่องมือออนไลน์ที่มีให้ใช้บน Cloud ค่อนข้างสะดวกและใช้ง่าย อีกทั้งการเริ่มต้นด้วยเครื่องมือฟรีก็สามารถช่วยได้มาก จากนั้นถ้าเราเห็นประโยชน์ก็สามารถลงทุนในเครื่องมือที่มีค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 20-40 เหรียญต่อเดือน

"ในบางบริษัทที่มีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การทำนายความต้องการของลูกค้า หรือการคำนวณการเก็บสต็อกให้พอดีกับความต้องการ AI ก็สามารถช่วยได้ โดยการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำการคาดการณ์ล่วงหน้า อาทิ คำนวณปริมาณสินค้าที่ต้องสั่งหรือเลือกติดต่อกับลูกค้ากลุ่มไหนเพื่อกระตุ้นการขายต่อไป"

AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือกุญแจสู่อนาคตธุรกิจ SME ไทยในยุคดิจิทัล

ดร.ศรีหทัย กล่าวเสริมว่า จริงๆ แล้ว จากประสบการณ์ตรงที่ทำทั้งในธุรกิจของตัวเองและช่วยสนับสนุน SME สิ่งหนึ่งที่เห็นคือส่วนใหญ่จะเก่งในการทำงานหน้าบ้าน เช่น การขาย การทำคอนเทนต์ แต่เมื่อธุรกิจขยายตัวขึ้น จะพบกับปัญหาที่งานหลังบ้าน เริ่มยากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้ระบบที่ดีในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณทางธุรกิจหรือการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในการเติบโตต่อไป

ในปัจจุบันการใช้ AI ก็มีการนำมาใช้ในงานหน้าบ้านกันมากแล้ว เช่น การทำคอนเทนต์ หรือการออกแบบ แต่ที่น่าสนใจคือการนำ AI มาช่วยในงานหลังบ้าน เช่น การทำ Automation หรือการช่วยในการพัฒนาโมเดลธุรกิจ AI สามารถช่วยได้เยอะ เพราะมันสามารถคำนวณและวิเคราะห์ได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า หากเรานำมาใช้ในงานบริหารจัดการหลังบ้าน เช่น การพัฒนาบิสซิเนสแพลน ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างและขยายธุรกิจได้ในระยะยาว

AI ช่วยทำให้เติบโต จากการออโตเมชั่น

นาย สุทธิเกียรติ กล่าวว่า AI ช่วยทำให้การทำงานของเจ้าของกิจการเดี่ยวหรือโซโลเอ็นเทรพรีนเนอร์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่สามารถทำยอดขายหลักสิบล้านได้จากการใช้งาน AI ในการยิงแอดเช่น การใช้เครื่องมืออย่างเมคดอทคอม หรือของไมโครซอฟท์ อย่าง Azure เพื่อให้การทำงานต่างๆ อัตโนมัติและเร็วขึ้น ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยทำให้ SME สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

"ปัญหาคือบางครั้งการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มันดูซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วการใช้ AI ไม่ได้ยากขนาดนั้น สิ่งสำคัญคือการทำให้ทุกคนเข้าใจและสามารถใช้มันได้จริง"

เพื่อให้การใช้ AI เป็นเรื่องง่าย ผมเองก็เลยมีช่องทางในการแนะนำและสอนการใช้งาน AI ที่เข้าใจง่ายมากขึ้น ผ่านวิดีโอสั้นๆ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถทำตามได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่าง การใช้เครื่องมืออย่าง Notebook LM  เพื่อสรุปประชุมหรือเสียงพูดให้กลายเป็นข้อความได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็สามารถเปลี่ยนเสียงประชุมเป็นเอกสารที่ใช้งานได้แล้ว"

"เครื่องมือนี้สามารถแปลงเสียงเป็นข้อความหรือแม้กระทั่งทำเป็นมายแมพหรือพอดแคสต์ได้ มันช่วยประหยัดเวลาและทำให้การทำงานเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานั่งฟังหรือสรุปเองทั้งหมด เพียงแค่ใช้เทคโนโลยีช่วย ก็สามารถทำให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เครื่องมือเหล่านี้ทำให้ทุกคนสามารถนำ AI ไปใช้ได้จริงไม่ว่าจะเป็นงานในหน้าบ้านหรือหลังบ้าน ตั้งแต่การขายสินค้าจนถึงการจัดการงานที่ซับซ้อนขึ้นในธุรกิจ อีคอมเมิร์ซก็เช่นกัน หากเราสามารถใช้เครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับงานเหล่านี้ได้ ก็สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ"

AIS เสริมศักยภาพ SME ด้วย 4 เสากลยุทธ์ สู่การใช้ AI อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

ดร.ศรีหทัย กล่าวว่า เมื่อพูดถึงการส่งเสริมการใช้ AI ใน SME ผ่านโครงการที่ดูแล เรามุ่งเน้นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้สามารถนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในธุรกิจได้จริง โดยผ่าน 4 เสากลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

1. Digital Infrastructure

การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งาน AI เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วและสะดวก ปัจจุบัน AIS มีเครือข่ายดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งโมบาย ไลน์บรอดแบนด์ และไฟเบอร์ ซึ่งรองรับการใช้งาน AI 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นโมบายหรือบรอดแบนด์ที่สามารถรองรับการทำงานของธุรกิจได้อย่างเสถียรและรวดเร็ว

ในปี 2003 เอไอเอสเริ่มใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนาระบบภายในองค์กรเพื่อให้รองรับธุรกิจที่เติบโตขึ้น และในช่วงปี 2003 นั้นเองที่ AI ยังไม่ได้แพร่หลายเท่าปัจจุบัน แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำ AI มาใช้ในด้านธุรกิจ

2. Digital Talent

การสร้างบุคลากรที่มีทักษะในการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ โดยเฉพาะในงานหลังบ้านที่เอสเอ็มอีจะสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การจัดการออโตเมชั่นหรือการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

จากข้อมูลในปี 2021 งานวิจัยจาก McKinsey ระบุว่า 87% ของบริษัททั่วโลกกำลังเผชิญกับความขาดแคลนทักษะดิจิทัล ซึ่งธุรกิจจะต้องลงทุนในการพัฒนาทักษะเหล่านี้ เพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย "การใช้งาน AI ในงานหลังบ้านจะต้องไม่เพียงแค่ใช้เครื่องมือเท่านั้น แต่ต้องใช้มันอย่างชาญฉลาดและถูกต้อง เพื่อให้การทำงานราบรื่นและสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการตัดสินใจที่ดี"

AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือกุญแจสู่อนาคตธุรกิจ SME ไทยในยุคดิจิทัล

3. Digital Safety

ในด้านความปลอดภัยของข้อมูล การใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญ เช่น ข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลทางธุรกิจ ต้องมีการจัดการที่เหมาะสม การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญไม่สามารถละเลยได้

ข้อมูลจาก IBM’s 2020 Cost of a Data Breach Report ระบุว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการละเมิดข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 3.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการข้อมูลและความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูล

"การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลต้องมั่นใจว่าข้อมูลที่นำมาใช้ต้องได้รับการปกป้อง และไม่ทำให้เกิดการละเมิดกฎหมาย หรือความเสียหายต่อธุรกิจในระยะยาว"

4. Digital Green

การใช้ AI ผ่านคลาวด์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เอไอเอสส่งเสริมให้เอสเอ็มอีใช้ เพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนในเซิร์ฟเวอร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ช่วยลดต้นทุนและประหยัดพลังงาน ในปี 2020 Microsoft รายงานว่า การใช้คลาวด์ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 98% เมื่อเทียบกับการใช้เซิร์ฟเวอร์แบบเดิม

"การใช้ AI บนคลาวด์ไม่เพียงแค่ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสนับสนุนการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน"

การใช้ AI ในธุรกิจข้อดี-ความท้าทาย

นาย สุทธิเกียรติ กล่าวว่า สิ่งที่ AI สามารถช่วยได้ คือการย่อยข้อมูลให้เข้าถึงง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งบางคนอาจจะไม่เข้าใจ เราจึงต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้ AI ได้

ตัวอย่าง หาก A Iนำมาใช้ในการแปลภาษา หรือย่อยข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้น

"อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือการทำแพ็กเกจ AI ราคาถูก ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจในกลุ่ม SME สามารถเข้าถึงเครื่องมือเอไอได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง การเรียนรู้ AI สามารถทำได้ผ่านคลิปสั้นๆ เช่น การอัปโหลดคลิปแนะนำการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการดูคลิปเพียงวันละ 3 นาที ก็สามารถเพิ่มทักษะการใช้เอไอได้อย่างรวดเร็ว"

นอกจากนี้ เราต้องระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัย เช่น การใช้เครื่องมือ AI ที่สามารถจำลองเสียงหรือข้อความของเราได้เกือบสมบูรณ์ ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงในการใช้งาน ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี

ดร. เอกสิทธิ์ กล่าวว่า  สำหรับการเริ่มต้นใช้งาน AI เราต้องไม่กลัวที่จะใช้มัน เพราะ AI มีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ตอนนี้มีเครื่องมือมากมายที่สามารถเลือกใช้ได้ เช่น เครื่องมือในการสร้างเนื้อหาหรือแปลภาษา ที่อาจจะช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการอบรมพนักงานและองค์กร เพื่อให้สามารถใช้งานเอไอได้ถูกต้องและปลอดภัยสิ่งที่บริษัทต้องระมัดระวังคือ การใส่ข้อมูลที่อาจหลุดออกไป โดยเฉพาะในเรื่องของข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ การเรียนรู้การใช้งานเอไออย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ดร.ศรีหทัย กล่าวว่า ในองค์กรของเรา มีการร่วมมือกับหลายภาคส่วน เช่น DEPA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) และภาครัฐ เพื่อให้องค์กรสามารถใช้เอไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ" หนึ่งในตัวอย่างที่ดีคือการสนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการ ISO 29110 ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยให้ SME สามารถได้รับมาตรฐานนี้และนำไปใช้ในธุรกิจของตนเอง

แต่ความท้าทายคือ เมื่อธุรกิจมีการรับรองมาตรฐาน ISO 29110 แล้ว ก็ยังต้องมีการต่อยอดไปอีก เช่น ต้องเข้าใจภาษาธุรกิจหรือภาษาการเงิน เพื่อที่จะสามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ในการทำธุรกิจ สุดท้ายแล้วต้องคำนึงถึง 3 สิ่งหลัก คือ 'People', 'Planet', และ 'Profit' ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนและสามารถเติบโตได้

เรามองว่า เอไอสามารถช่วยสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างพันธมิตรต่างๆ และทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยการเชื่อมโยงเทคโนโลยี, ลูกค้า, และพันธมิตรเข้าด้วยกัน

ใช้ AI ในการเริ่มต้นธุรกิจ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

นาย สุทธิเกียรติ กล่าวว่า หากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้ AI สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเริ่มศึกษาและทดลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น แชทจีพีที (ChatGPT) ซึ่งมีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้งาน เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และทำความเข้าใจ AI จากการใช้งานจริง โดยแนะนำให้ใช้เวลาเพียง 3 นาทีต่อวันในการฝึกฝน เพียงแค่ทำตามขั้นตอนนี้คุณจะสามารถเห็นพัฒนาการได้ในเวลาไม่นาน

ดร. เอกสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า หลังจากที่เรียนรู้และเข้าใจวิธีการใช้ AI ขั้นตอนต่อไปคือการนำเครื่องมือ AI มาใช้จริงในธุรกิจ โดยเริ่มจากการทดลองใช้แชทจีพีทีหรือเครื่องมืออัตโนมัติที่สามารถช่วยให้กระบวนการทำงานภายในธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ AI ในการสร้างข้อความหรือการตอบคำถามในงานบริการลูกค้า ซึ่งสามารถนำไปสู่การทำงานอัตโนมัติที่ลดเวลาการทำงานซ้ำๆ

ดร.ศรีหทัย กล่าวเสริมว่า เมื่อใช้ AI ในการทำธุรกิจแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องถามตัวเองก่อนว่าธุรกิจของคุณต้องการอะไร โดยให้ความสำคัญกับการตั้งคำถามที่ถูกต้อง เพราะ AI จะทำงานได้ดีเมื่อเรารู้ว่าจะถามอะไรและต้องการอะไรจากมัน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ฝึกฝนการใช้งาน AI อย่างสม่ำเสมอ เพราะการทำงานซ้ำๆ จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพมากขึ้น การใช้ AI ไม่ใช่แค่เรื่องของการให้คำตอบ แต่ต้องสามารถปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สรุป คำแนะนำในใช้  AI

  1. เริ่มต้นจากตัวเอง: ตั้งคำถามให้ชัดเจนว่า AI จะช่วยอะไรในธุรกิจของคุณ
  2. เรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้: ดูคลิปสอนจากผู้เชี่ยวชาญและอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับ AI
  3. ทดลองใช้งานเครื่องมือฟรี: ใช้เครื่องมือ AI ที่มีให้ใช้ฟรี เช่น ChatGPT เพื่อเริ่มต้นเรียนรู้และทดลองใช้งาน
  4. ฝึกฝนบ่อยๆ: ทำซ้ำๆ จะช่วยให้คุณคุ้นเคยและใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ถาม AI อย่างชาญฉลาด: การถามคำถามที่ถูกต้องจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงกับความต้องการ