เนสท์เล่ เฮ ปธ.ศาลอุทธรณ์ฯให้โอนคดีไปชี้ขาดศาลทรัพย์สินฯ เนสกาแฟยังขายต่อ

20 มิ.ย. 2568 | 04:03 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2568 | 04:43 น.

"ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ" มีคำวินิจฉัยให้โอนคดีเนสท์เล่ กับ ตระกูลมหากิจศิริ จากศาลแพ่งมีนบุรีไปชี้ขาดที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ทำให้ "เนสกาแฟ" ยังคงมีจำหน่ายตามปกติ

จากกรณีที่ "เนสท์เล่" ยื่นขอให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาลว่า คดีข้อพิพาทระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลแพ่งมีนบุรีหรือศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง  

 

โดยวันนี้ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 304 ศาลแพ่งมีนบุรี ในคดีหมายเลขดำที่ พ 571/2568 ศาลแพ่งมีนบุรีได้อ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ โดยประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยให้โอนคดีนี้ไปศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง 

ย้อนรอยคดีหมายเลขดำที่ พ 517/2568

สำหรับคดีหมายเลขดำที่ พ 517/2568 ที่มีโจทย์ คือ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ นางสุวิมล มหากิจศิริ  และนายประยุทธ มหากิจศิริ รวม 3 คน

 

ยื่นขอให้ศาลแพ่งมีนบุรีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ห้ามเนสท์เล่ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์แบรนด์ Nescafé ในประเทศไทย 

โดยคดีนี้มี บริษัท เนสท์เล่ เอส.เอ , โซชิเอเต้ เดส์ โปรดุยต์ส เนสท์เล่ เอส.เอ , บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด , นายรามอน เมนดิวิล กิล , บริษัท เนสท์เล่ อาร์โอเอช (ประเทศไทย) และ บริษัท เนสท์เล่เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด รวม 6 คน เป็นจำเลย

 

ซึ่งเดิมทีศาลแพ่งมีนบุรีนัดไต่สวนฉุกเฉินคำร้องของฝ่ายจำเลย(เนสท์เล่) ที่ยื่นคำร้องเมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของมหากิจศิริ แต่เนื่องจากกำลังเป็นช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ศาลจึงนัดคู่ความอีกครั้งวันที่ 17 เม.ย.68

 

ปรากฏว่าในวันที่ 17 เม.ย. 68 ทนายของจำเลยที่ 2 และที่ 3 (ฝ่ายเนสท์เล่) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพิ่มอีกฉบับ เพื่อขอให้ศาลแพ่งมีนบุรียื่นคำร้องไปยังประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ขอให้วินิจฉัยอำนาจการพิจารณาคดีดังกล่าวของศาลแพ่งมีนบุรี

 

โดยจำเลย(เนสท์เล่)ระบุเหตุผลในคำร้องว่า เนื่องจากคดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จึงขอให้โอนคดีไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเป็นผู้พิจารณา 

 

ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวของประธานศาลอุทธรณ์ฯในวันนี้ (20มิ.ย.68) ทำให้คดีดังกล่าวจะถูกโอนคดีไปยังศาลทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้เนสท์เล่ยังคงดำเนินธุรกิจเนสกาแฟในประเทศไทยตามปกติ รวมทั้งการผลิต จ้างผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในประเทศไทย

 

โดยเนส์เล่ ยืนยันว่าจะมุ่งมั่นที่จะดำเนินการผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย และยังคงรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่องเหมือนเช่นเคย และเนสท์เล่จะยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยเพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเนสท์เล่ เกษตรกร ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจของเนสท์เล่ต่อไป