สสว.-สจล. หนุน MSME ไทย รับมือกีดกันทางการค้า ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้

08 พ.ค. 2568 | 08:27 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ค. 2568 | 10:55 น.

สสว. ร่วมกับ สจล. หนุน MSME ไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียว ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการกว่า 240 ราย

นายวชิระ แก้วกอ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนามย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. มีการผลักดันผู้ประกอบการ สร้างความตระหนักรู้ สู่มาตรฐาน รวมทั้ง การให้ประเมินศักยภาพธุรกิจตามแนวคิดธุรกิจสีเขียว

ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมาปีนี้เป็นปีที่ 3 โดย สสว. มีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ให้บริการเศรษฐกิจสีเขียว ผลักดันและส่งเสริม MSME ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว
ที่จะส่งผลต่อรายได้ในการดำเนินธุรกิจของ SME เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและมีความสะดวกในการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน

สสว.-สจล. หนุน MSME ไทย รับมือกีดกันทางการค้า ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้

ปัจจุบัน มาตรการกีดกันทางการค้า (Trade Barriers) ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism), ESG (Environmental, Social, Governance Standards), และมาตรฐานอื่นๆของสหภาพยุโรป กำลังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร และพลังงาน การขาดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีคาร์บอนเพิ่มขึ้น หรือถูกจำกัด การนำเข้าไปยังประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของ MSME ไทยในตลาดโลก เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ MSME ไทย

โครงการขับเคลื่อนให้ MSME ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ตอบสนองต่อมาตรฐาน/การกีดกันทางการค้า ประจำปี 2568 นี้ มุ่งเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการใน พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สสว.-สจล. หนุน MSME ไทย รับมือกีดกันทางการค้า ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้

มุ่งเน้นดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เกี่ยวกับการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการค้า และแนวทางในการปรับตัวที่ให้เกิดสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมช่วงเปลี่ยนผ่านให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการประเมินศักยภาพธุรกิจผ่าน Green SME Index เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมและโอกาสทางธุรกิจ

อีกทั้งมีที่ปรึกษาธุรกิจเชิงลึก ณ สถานประกอบการ ให้คำปรึกษาเชิงลึกแบบ On-the-Job Training เพื่อปรับแผนธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้

นอกจากนี้ มีการพัฒนา Sandbox Program สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจ
สู่ธุรกิจสีเขียว และเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจสีเขียวและโอกาสทางการค้าในตลาดโลกเพื่อปรับธุรกิจให้พร้อมกับมาตรฐานใหม่ เพื่อความยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลกได้อีกด้วย

นายวชิระ แก้วกอ กล่าวอีกว่า โครงการนี้คาดว่าจะช่วยให้ MSME มากกว่า 240 ราย สามารถลดต้นทุน
เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ กว่า 240 ล้านบาท ผ่านการใช้เทคโนโลยีสะอาด การลดก๊าซเรือนกระจก และการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม