“บุรณิน” แนะไทยวางหมากรับมือนโยบาย ทรัมป์ 2.0

12 ก.พ. 2568 | 04:33 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2568 | 04:37 น.

นายกสมาคมการตลาดฯ แนะผู้ประกอบการไทยรับมือนโยบายทรัมป์ 2.0 หลังผู้นำสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีใหม่ ย้ำต้องปรับตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของ Global Value Chain

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT)  เปิดเผยถึงผลกระทบจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ มีหลายด้านที่สำคัญ  ทั้งการค้าและการส่งออกกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นโยบายการค้าที่เน้นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกามีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของภาษีที่แตกต่างกันระหว่างสินค้านำเข้าจากไทยและสินค้านำเข้าจากอเมริกา ทำให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาลำบากขึ้นและอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาด จะส่งผลให้ไทยต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะเมื่อสินค้าจีนที่ถูกกีดกันจากสหรัฐอเมริกาอาจไหลเข้ามาในตลาดไทยมากขึ้น ขณะที่โครงสร้างของประเทศไทยจะมุ่งไปที่ภาคการผลิตเป็นหลัก เมื่อเกิดความไม่แน่นอนในนโยบายการค้า ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยมากกว่าภาคการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการจ้างผลิตและส่งออก รวมทั้งทำให้การตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยยากขึ้น

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ

“นโยบายของทรัมป์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและจีน แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย โดยทำให้ landscape ของการค้าโลกเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ”

อย่างไรก็ดีจุดแข็งของสหรัฐอเมริกาคือ เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดในโลก เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีอิทธิพลต่อระบบการค้าโลก เป็นตลาดบริโภคขนาดใหญ่ และยังเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ของโลก ทำให้มีการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

“ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาจีนกับอเมริกาพึ่งพาซึ่งกันและกัน ทําให้โลกเติบโตและประเทศอื่นก็เติบโตตาม แต่ปัจจุบันเมื่อจีนกับอเมริกาลดการพึ่งพากันและก็เปลี่ยนเป็นการแข่งขันกัน landscape ของการค้าโลกจึงเปลี่ยนไป”

จากในอดีตที่สหรัฐอเมริกาและจีนจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนเป็นการแข่งขัน  จีนก็ต้องใช้จุดแข็งที่มีคือ การเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำและสามารถผลิตสินค้าในปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จีนสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว

โดนัลด์ ทรัมป์

รวมทั้งจีนมีการลงทุนอย่างมากในโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนานวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม และจำนวนประชากรที่มีมาก ทำให้เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการบริโภคสูง

“วันนี้ธุรกิจต้องปรับเข้าสู่หมวด survival คือเอาตัวรอดให้มากขึ้น เน้นเรื่องการบริหารเงินสด (cash flow) และสิ่งสําคัญก็คือ อย่าเน้นตลาดที่เป็น mass  ต้องโฟกัสในตลาดที่เราเข้าถึง มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อมีดีมานด์เพิ่มขึ้น ราคาก็อาจจะปรับขึ้นเพราะว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าเราถูกตลอด ธุรกิจจะอยู่รอดไม่ได้ และอีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ data analytics  ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ และจะทำอย่างไรในการนำ AI  มาใช้เพื่อจะทําให้องค์กรของขยับตัวได้เร็ว พร้อมกับการบริการ (service) ที่ดี”

ดร.บุรณิน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ประเทศไทยควรปรับตัวในหลายด้านเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้ในสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร การสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีอยู่ โดยการพัฒนาคุณภาพและการสร้างแบรนด์ที่มีคุณค่า เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

รวมทั้งด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ไทยควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในภาคการผลิตและการบริการจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน

การใช้ AI  มาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการสร้างแบรนด์ "Made in Thailand" เน้นการตลาดที่มีคุณค่า จะช่วยให้สินค้าของไทยมีความน่าสนใจและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

“วันนี้ไทยต้องทำตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของ Global Value Chain  ไม่ใช่แค่ Supply Chain ทำให้เขารู้สึกว่า ขาดเราไม่ได้ ต้องมีการรวมกลุ่มทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศหรือระดับโลก”