วันนี้ (23ส.ค. 67) ประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตาในทางเศรษฐกิจ เมื่อ 4 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าไทย สภาหอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมไทย และสมาคมธนาคารไทย มีกำหนดเข้าพบ "นายกฯอุ๊งอิ๊ง" หรือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนปัญหาและมีข้อเสนอมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ อาคารชินวัตร 3 ชั้น 9 ห้องประชุม 2
โดยไทม์ไลน์กำหนดการของ 4 องค์กรภาคเอกชนที่ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 มีดังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผู้เข้าร่วมประชุมนอกจากมีนายกรัฐมนตรีแพทองธารแล้ว ยังมีการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งสานต่อในหลายเรื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกำลังซื้อ ได้แก่ การการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ให้ได้ตามเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 37-39 ล้านคน
ขณะที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน สิ่งนี้เป็นประเด็นที่หอการค้ามีความเป็นห่วง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแม้ภาพการท่องเที่ยวของไทยเติบโตได้โดดเด่น แต่ในส่วนของกำลังซื้อและภาคการผลิตของไทยยังไม่ฟื้นตัวตามที่ควรจะเป็น จากค่าครองชีพของประชาชนที่อยู่ในระดับสูง และมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เป็นแรงกดดันให้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว
ขณะเดียวกันเรื่องเร่งด่วนที่หอการค้าฯ อยากให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าเต็มที่คือ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ก่อนหน้านี้ว่า โจทย์ที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจ คือการสร้างความชัดเจนในการดำเนินโครงการต่างๆ นโยบายที่เคยดำเนินการไว้จะมีการสานต่อหรือไม่ เพราะนอกจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว นักลงทุนไทยรายใหญ่เองยังขยับออกไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือ การเมืองที่นิ่งและมีเสถียรภาพ มีการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจ นำมาสู่การจ้างงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจในขณะที่ประเทศยังต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อ่อนตัว สถานการณ์โลกที่เปราะบาง
ทั้งยังมีปัญหาภายในประเทศเรื่องหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อต่ำ การส่งออกมีปัญหา ทั้งหมดนี้ความเชื่อมั่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย