บิ๊กวังน้ำเย็นยันยื่นอุทธรณ์ หากถูกลดสิทธิ์นมโรงเรียน 5%/จับตาใครส้มหล่น

11 มิ.ย. 2559 | 10:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

รองปลัดเกษตรฯ สั่งคณะกรรมการ จ.สระแก้วสอบนมโรงเรียนโผล่ขายกัมพูชาแล้ว ด้านบิ๊กสหกรณ์โคนมวังนํ้าเย็น เผยหากโดนลดสิทธิ์จำหน่ายลง 5% เตรียมยื่นอุทธรณ์ พร้อมส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.สอบ ยันไม่ได้ทุจริต วงการสั่งจับตาม้ามืดใครได้ส้มหล่นเสียบขายแทน ส่วนนายกสมาคมโรงนมพาสเจอไรซ์ ออกโรงค้านมิลค์บอร์ดเปลี่ยนกฎบรรจุกล่องเพิ่มขยะ 7.4 ล้านกล่อง/วัน โอดขาดทุนกล่องละ 1 บาท

นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาความผิดและกำหนดโทษและพิจารณาอัตราเบี้ยปรับ ในคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม(มิลค์บอร์ด)เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้สั่งการให้คณะกรรมการระดับจังหวัด สระแก้ว เข้าไปตรวจสอบเรื่องสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ที่นำผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนไปวางจำหน่ายในร้านเอเชียมาร์เก็ต เมืองเสียมราฐของกัมพูชา จริงหรือไม่ และตรวจสอบว่าเป็นน้ำนมโค/ผลิตภัณฑ์กล่องที่ใช้อยู่ในโครงการนมโรงเรียนหรือไม่ หรือเป็นส่วนเกินจากสต๊อกจริงหรือไม่ จะต้องตรวจสอบให้รอบคอบ เพราะถ้าหากเป็นกล่องส่วนเกินที่ซื้อมาผู้ประกอบการสามารถกระทำได้ รวมทั้งไม่มีลิขสิทธิ์แบรนด์ยี่ห้อ เพียงแต่เป็นความตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการที่จะใช้ในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน คาดกรณีนี้คงไม่สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบการได้

"ส่วนผลการตรวจสอบคาดจะส่งเรื่องเข้ามาในวันที่ 7 มิถุนายน 2559 หลังจากนั้นจะประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาความผิดและกำหนดโทษและพิจารณาอัตราเบี้ยปรับ ซึ่งประกอบด้วย อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น เมื่อสรุปผลรายงานแล้ว คาดว่านายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานมิลค์บอร์ด) จะแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง"

ขณะที่นายอำนวย ทงก๊ก ประธานกรรมการสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนในปีการศึกษา 2559 เผยว่ากล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้เรียกเข้าไปชี้แจงถึงกรณีที่นำนมโรงเรียนไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาว่า มีต้นเหตุจากทางสหกรณ์ ถูกปรับลดสิทธิ์การจำหน่ายในภาคเรียนที่ 1/2558 จำนวน 6.58 แสนกล่อง/ถุงต่อวัน เหลือในภาคเรียนที่ 2/2558 จำนวน 6.09 แสนกล่อง/ถุงต่อวัน ทำให้สิทธิ์การจำหน่ายที่สหกรณ์ผลิตไว้ในช่วงปิดเทอมมีปริมาณมากเกินจากสิทธิ์การจำหน่าย ทางสหกรณ์จึงได้นำนมดังกล่าวจำนวน 1.13 ล้านกล่องจำหน่ายออกไปยังประเทศกัมพูชา เพราะเกรงว่านมที่ผลิตไว้นั้นจะเสียหายหมดอายุ เพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางสหกรณ์ จึงขอยืนยันว่านมที่นำไปจำหน่ายประเทศกัมพูชา เป็นนมส่วนที่ผลิตเกินจากสิทธิ์การจำหน่ายที่ถูกลดลง ไม่ใช่งบประมาณของทางราชการ จึงไม่ใช่เรื่องการทุจริตอย่านำกรณีไปเปรียบเทียบโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นคนละกรณีกัน อย่างไรก็ดีหากมีการลดสิทธิ์ 5% จะทำเรื่องอุทธรณ์ต่อ และอีกด้านหนึ่งจะยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงความโปร่งใส

ด้านนายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ กล่าวถึงกรณีที่มิลค์บอร์ดมีแนวคิดจะนำนมโรงเรียนมาบรรจุผลิตภัณฑ์ใส่กล่องยูเอชที วันละ 7.4 ล้านกล่องนั้นไม่เห็นด้วย เพราะกล่องที่มาผลิตนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ นอกจากจะมาเป็นขยะในประเทศแล้ว ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ไม่ใช่คนไทย เชื่อว่ามิลค์บอร์ดคงจะไม่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ควรจะแก้ปัญหาเป็นรายกรณีไป อย่างไรก็ดีการส่งนมโรงเรียนในช่วงเปิดเทอมจะบังคับให้ผู้ประกอบการส่งนมพาสเจอไรซ์ ยกเว้นอยู่ในถิ่นทุรกันดารให้ส่งเป็นนมกล่องยูเอชทีได้ ส่วนช่วงปิดเทอม ให้ทุกโรงนมส่งน้ำนมดิบ ผลิตให้เป็นนมกล่องเพื่อแจกเด็ก เป็นนโยบายที่มองว่าได้ประโยชน์ทุกฝ่าย

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ กล่าวว่า กำลังจับตาดูว่า หากสหกรณ์วังน้ำเย็น ถูกลดสิทธิ์ ใครจะได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ หรือหากไม่ถูกลดสิทธิ์ หากเป็นรายเล็กกระทำบ้างจะได้รับการยกเว้นหรือไม่ ส่วนอนาคตหากมีการปรับเปลี่ยนเป็นนมกล่องทั้งหมด โรงนมพาสเจอไรซ์ที่มีโรงงานจะขาดทุนวันละ 1 บาท/กล่อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,164 วันที่ 9 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559