“พาณิชย์”เล็งชงครม.ไฟเขียวปรับเงื่อนไขส่งออกน้ำมันปาล์ม

13 ก.พ. 2566 | 03:07 น.

“พาณิชย์”เล็งชงครม.ไฟเขียวปรับเงื่อนไขส่งออกน้ำมันปาล์ม อุดหนุนกิโลกรัมละ 2 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน เพื่อเร่งระบายสต๊อกรักษาสมดุลปาล์มทั้งระบบ

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่กก.ละ 2 บาท ปริมาณเป้าหมายส่งออก 1.5 ล้านตัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้ช่วยเหลือไปแล้ว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน

 

เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับผู้ส่งออกไทย และโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565/66 และมาตรการเสริมที่ได้อนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้ด้วย เพื่อเป็นหลักประกันให้ชาวสวนปาล์ม

 

นอกจากนี้ กรมฯ ได้เร่งรัดผลักดันให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบให้มากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาของปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยล่าสุดเดือนม.ค.2566 ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในประเทศขยับขึ้นมาอยู่ที่กว่า 357,607 ตัน หรือเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับปลอดภัยที่ 300,000 ตัน

“พาณิชย์”เล็งชงครม.ไฟเขียวปรับเงื่อนไขส่งออกน้ำมันปาล์ม

มาตั้งแต่เดือนก.ย.2565 ทำให้ราคาผลปาล์มสด แม้ยังอยู่ในระดับสูง แต่ได้ลดลงมาอยู่ที่กิโลกรัม (กก) ละ 4.90-5.10 บาท และซีพีโออยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 28-29 บาท และปีนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ว่าผลผลิตปาล์มของไทยจะอยู่ที่ 18.98 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนที่มี 18.42 ล้านตัน จึงต้องเร่งรัดการส่งออก เพื่อระบายสต๊อกส่วนที่ยังเกินอยู่
 

“พาณิชย์”เล็งชงครม.ไฟเขียวปรับเงื่อนไขส่งออกน้ำมันปาล์ม

โดยช่วงนี้ เหมาะที่จะส่งออก เพราะราคาซีพีโอตลาดโลกสูงกว่าราคาในประเทศของมาเลเซีย ซึ่งใช้เป็นราคาอ้างอิงอยู่ที่กก.ละ 29.50 บาท และสต๊อกในประเทศเกินกว่า 300,000 ตันแล้ว ซึ่งเข้า 2 เงื่อนไขที่จะอนุญาตให้ส่งออกได้เพราะดูแนวโน้มสต๊อกในประเทศอาจเพิ่มขึ้นอีก กระทรวงพาณิชย์ จึงได้พิจารณาปรับเกณฑ์สต๊อกซีพีโอในประเทศให้อยู่ที่ 250,000-300,000 ตัน ก็จะอนุญาตให้ส่งออกได้ จากเดิมต้องมีสต๊อกตั้งแต่ 300,000 ตันขึ้นไป แต่เกณฑ์ราคาซีพีโอตลาดโลกยังคงเดิม ที่ต้องสูงกว่าราคาในประเทศ

สำหรับผลจากการเร่งรัดผลักดันส่งออกในช่วงที่ผ่านมา เดือนม.ค.2566 ส่งออกแล้วประมาณ 40,000 ตัน เดือนก.พ.2566 คาดว่าจะส่งออกได้กว่า 80,000 ตัน และทั้งปี 2566 ตั้งเป้าหมายส่งออกมากกว่าปี 2565 ที่ส่งออกได้มากถึง 920,000 ตัน เพิ่มขึ้น 57% จากปี 2564 ที่ส่งออกได้ 620,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% แม้ว่าผู้ส่งออกมองว่าปีนี้ขีดความสามารถการแข่งขันด้านราคาของไทยอาจลดลง เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ราคาสินค้าไทยอาจสูงกว่าของคู่แข่ง