ส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์กำลังซื้อ-เศรษฐกิจโลกฟื้น

09 ม.ค. 2566 | 09:34 น.

ส่งออกสินค้าฟุ่มเฟื่อยโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์กำลังซื้อ-เศรษฐกิจโลกฟื้น ท่องเที่ยวฟื้น จับตาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ มาตรการปรับคาร์บอน ที่จะรุนแรงขึ้นในปี 66

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในช่วง 11 เดือนของปี 2565 ยังสามารถเติบโตได้ดี แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยรุมเร้าหลายประการ

 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งถือว่าไทยทำได้ดี และคาดว่าตัวเลขที่เหลืออีก 1 เดือน คือ ธ.ค.2565 จะยังขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมการส่งออกทั้งปียังเป็นบวกได้สูงอยู่

 

โดย เดือนพ.ย.2565 การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 687.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8% หากรวมทองคำ มีมูลค่า 868.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 15.98% และยอดรวม 11 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-พ.ย.) หากไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 7,466.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 34.02% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 14,489.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 57.24%

 

ส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์กำลังซื้อ-เศรษฐกิจโลกฟื้น

 

         ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้น มาจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น จากการที่เงินเฟ้อและราคาสินค้าในหลายประเทศเริ่มลดลง ค่าขนส่งสินค้าในหลายเส้นทางทั่วโลกปรับลดลง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้มีการซื้อสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และช่วงปลายปี 2565 เป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย จึงเป็นปัจจัยหนุนทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินบาท แม้จะแข็งค่าขึ้น แต่ก็ไม่ได้แข็งเร็วเกินไป ยังช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันได้ และหลายตลาด มีการสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์กำลังซื้อ-เศรษฐกิจโลกฟื้น

 

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวได้ดีในช่วง 11 เดือน ได้แก่ สหรัฐฯ เพิ่ม 23.60% อินเดีย เพิ่ม 91.61% ฮ่องกง เพิ่ม 19.04% เยอรมนี เพิ่ม 4.34% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 36.67% สิงคโปร์ เพิ่ม 159.95% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 82.48% เบลเยี่ยม เพิ่ม 34.76% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 32.84% และญี่ปุ่น เพิ่ม 9.11%

 ส่วนสินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับทอง เพิ่ม 49.32% เพชรก้อน เพิ่ม 5.39% เพชรเจียระไน เพิ่ม 50.19% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 99.89% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 73.94% พลอยก้อน เพิ่ม 53.28% เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 3.12% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 9.32% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 20.71% เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำจากโลหะมีค่า เพิ่ม 18.45% และทองคำ เพิ่ม 92.73%

 

ส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์กำลังซื้อ-เศรษฐกิจโลกฟื้น

 

ส่วนปี 2566 แนะนำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการเติบโตในปี 2566 อาจขาดปัจจัยหนุน ทำให้เติบโตลดลง จากปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น และการกลับมาระบาดของโควิด-19 จนทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งต้องเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM รวมทั้งมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและการรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และยุโรปให้ความสำคัญมาก อาจก่อให้เกิดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีได้