“อรรถวิชช์”จี้รัฐใช้มาตรการภาษี ยกระดับวงการภาพยนตร์ไทย

03 ธ.ค. 2565 | 05:30 น.

“อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี”กระตุกรัฐใช้มาตรการภาษี ยกระดับวงการภาพยนตร์ไทย ให้เป็นศูนย์กลาง ซอฟท์พาวเวอร์ในเอเชีย

ค่ำวานนี้ (2 ธ.ค. 65) ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค  พร้อมทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.  ประกอบไปด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ,นายพัสกร วรรณศิริกุล,นาย ศราพงศ์  อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, นางสาววิเวียน จุลมนต์, นางสาวกชพร คีรีโชติ และนางสาวสวิชญา วาทะพุกกะณะ  เข้าร่วมงาน World Film Festival of Bangkok  เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 15 ที่มีขึ้นระหว่างวันที่  2-11 ธันวาคม 2565 

 


นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า  รู้สึกดีใจเช่นกันที่มีงานนี้ ตนไม่ได้ชมภาพยนตร์มานาน วันนี้ถือว่าในรอบหลายปี ซึ่งมองว่า ดีที่ผลักดันเป็นซอฟท์พาวเวอร์ อยากให้รัฐบาลเกิดการตื่นตัวมากกว่านี้  และควรมีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ควรดึงต่างชาติมาสร้างภาพยนตร์ 

 

ปัจจุบันการขออนุญาตต่าง ๆ กระจัดกระจาย  ทั้งที่ภาค เอกชนมีความกระตือรืนร้นที่จะยกระดับ วงการภาพยนตร์ไทยให้เป็นศูนย์กลางซอฟท์พาวเวอร์ในเอเชีย แต่ในภาครัฐนั้นยังดำเนินไปได้ช้ามาก การถ่ายทำภาพยนตร์ เป็นอีกช่องทางที่จะนำประเทศไทยออกสู่สายตาโลก 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า รัฐบาลควรต้องเข้ามาช่วยในเรื่องของ มาตรการด้านภาษีอากร การเข้าถึงพื้นที่ถึงขออนุญาตองค์กรส่วนท้องถิ่น รวมถึงขออนุญาตจากกรมอุทยานในการใช้สถานที่ ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดล้วนอยู่ต่างกระทรวง ทำให้คนทำหนังมีอุปสรรคในการขออนุญาตที่จะถ่ายทำหลายขั้นตอนมาก 

 

หลายๆ คนคงต่างคำถามว่าทำไม การถ่ายหนังสักเรื่องขอใบอนุญาตยากเย็นนัก ก็เพราะหน่วยงานรัฐ มีแต่ one stop service คือทุกหน่วยมี แต่ต่างคนต่างทำ เราไม่มี All Service Center ที่จะดำเนินการขออนุญาตในเรื่องต่างๆในคราวเดียว 

 


“ยกเคสที่ใกล้ตัวอย่างภาพยนตร์ "หมูป่า" ที่ถูกสร้างหลายเวอร์ชั่นในสตรีมมิ่งต่างๆ แต่น่าเสียดาย ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไทยแท้ๆ แต่ในเวอร์ชั่นผู้กำกับชื่อ "รอน ฮาเวิร์ด" กลับใช้โลเคชั่นที่ออสเตรเลีย เพราะได้การสนับสนุนอย่างดี จากรัฐบาลออสเตรเลีย 


 

เพื่อหวังใช้อุตสาหกรรมภาพยนตร์กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ผมอยากเห็นรัฐผลักดัน All Service Center  เพิ่มความสะดวก มีมาตรการภาษีช่วยเหลือที่ชัดเจน หน่วยงานต้องบูรณาการเหมือน “ไม้เสียบลูกชิ้น” เสียบทีเดียวจบทะลุทุกลูก อุตสาหกรรมภาพยนตร์จะเป็นเวทีใหม่ เป็น New platform  เป็นโอกาสใหม่ เป็นการสร้างอาชีพ และรายได้ให้รัฐและประชาชน” รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว