หมอบุญ วนาสิน สยายปีก สร้างอาณาจักรลาว ปักหมุด Duty Free-รพ.

นายแพทย์ บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด (ประเทศไทย) หรือ TMG เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนยกระดับ บริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ ขึ้นเป็น ไทยเมดิคอล กรุ๊ป เพื่อรองรับธุรกิจใหม่นอกเหนือจากการผลิตถุงมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆในสปป.ลาว ซึ่ง TMG ได้จับมือกับบริษัท ดาวเรืองกรุ๊ป จำกัด (Dao Heuang Group : DHG) โดยนางเหลื้อง ลิดดัง ประธานกรรมการบริษัทดาวเรืองกรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟยี่ห้อดาว (สปป.ลาว) จัดตั้งบริษัทใหม่ในสปป.ลาว เพื่อดำเนินธุรกิจ Lao Duty Free โดย TMG ถือหุ้น 70% และDHG ถือหุ้น 30%

ทั้งนี้ DHG สามารถคว้าสัมปทานไลเซ่น Lao Duty Free 17 แห่งครอบคลุมทุกสนามบินและสถานีรถไฟฟ้าในระยะเวลา 50 ปี และในปัจจุบัน DHG มีสถานที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีหรือ Duty Free 7 แห่งและอยู่ในแผนขยายเพิ่ม 8 แห่ง

“ในฝั่งของเรา มีแผนจะเปลี่ยน ไทยเมดิคอลโกลฟ เป็นไทยเมดิคอลกรุ๊ป ซึ่งจะมีหลายๆธุรกิจเข้ามาเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการลงทุนในบริษัทร่วมทุน โดย TMG ถือหุ้น 70% ใช้เงินลงทุน 290 ล้านเหรียญสหรัฐซื้อไลน์เซ่นและซื้อทรัพย์สินที่ DHG มีอยู่แล้ว พร้อมกับเพิ่มทุนเข้าไปอีกกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินทุนส่วนตัว ปัจจุบันก่อสร้างตกแต่งพร้อมเปิดบริการแล้ว 2 แห่งคือ Lao Duty Free สะพานมิตรภาพไทย-ลาวหนองคาย และสาขาสนามบินอีก 1 แห่ง”

ในปีนี้จะมีการลงทุนและเปิดสาขาใหม่ 4 สาขาภายใต้งบลงทุนก้อนแรก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะโปรเจ็กต์ใหญ่ Lao Duty Free สาขาบ่อเต็นพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร เนื่องจากมีชัยภูมิติดประเทศจีน ซึ่งคนจีนสามารถข้ามมาซื้อของได้ง่ายและสะดวก และ Lao Duty Free ด่านพรมแดนช่องเม็ก (ฝั่งลาว) เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ฝั่งแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ Lao Duty Free ท่าบก-ท่านาแล้ง ซึ่งเป็น distribution and logistics ศูนย์กระจายสินค้าจากญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีและเอเชีย และนำสินค้า manufacturing จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราคาโรงงานโดยให้บริษัทต่างๆ เข้ามาประมูล

นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับบริษัทจีนทำ Lao Duty Free ในเมืองใกล้ๆกับ World Trade Center Lao ซึ่งทั้ง 4 แห่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จและเหลือการตกแต่งภายในและสั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ดาวเรืองกรุ๊ป เป็นหลัก รวมทั้งสุรา บุหรี่และเบียร์ ซึ่งเป็นสินค้าขายดีที่สุด และในอนาคตจะขยายไปยังสินค้าอื่นๆเช่นน้ำหอม กระเป๋า สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า entertainment เซอร์วิส เช่น ร้านอาหารโดยกำหนดราคาให้ต่ำกว่าราคาปกติประมาณ 20%

“งบลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐในเฟสแรกครอบคลุม Lao Duty Free 4-5 แห่งที่จะเปิดในปีนี้เท่านั้น ส่วนปีต่อไปจะพิจารณาทั้งจำนวนสาขา โลเคชั่นและเงินลงทุนอีกครั้งตามความเหมาะสม เพราะมีไลเซ่นที่ครอบคลุมสถานีรถไฟ และสนามบินนานาชาติทั้งหมด แต่สิ่งที่เราคาดหวังคือทางเหนือของลาวซึ่งมีชาวจีนอยู่ประมาณ 500 ล้านคน ในคุนหมิง ยูนนาน เฉิงตู ฉงชิ่ง เพราะในการเปิด Duty Free ครั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลักเราคือนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 2 ปีจะกลับมาเดินทางได้ปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาหลักล้านคนรวมทั้งชาวจีนที่อาศัยอยู่ในลาวกว่า 5 แสนคนด้วย”

ด้านนายกบิล สมพงษ์ชัยกุล ที่ปรึกษากลยุทธ์ด้านการลงทุน บริษัท ธนบุรี เฮลแคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนระหว่าง TMG และ DHG ครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงในระยะเริ่มต้น เนื่องจาก TMG เล็งเห็นว่า สปป.ลาวมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมากที่สุดถึง 5 ประเทศ

คือจีน ไทย เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา มีนโยบายขยายพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษถึง 40 แห่ง ปัจจุบันดำเนินการการแล้ว 15 แห่ง มีถนนเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน 10 เส้นทาง ถนนเส้นทางหลักในประเทศอีก 3 เส้นทางและมีเม็ดเงินลงทุนสะพัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษปีละหลายหมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าการเติบโต GDP ของ สปป.ลาว ปี 2565 - 2567 เติบโตเฉลี่ย 4%-5% ต่อปี นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน มาสู่สปป.ลาว จาก 0.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน ภายในปี 2573และนักท่องเที่ยวอาเซียนมายัง สปป.ลาว จาก 2.9 ล้านคนเป็น 3.9 ล้านคนภายในปี 2573

นอกจากนี้ “หมอบุญ” ยังต้องการพัฒนาสาธารณสุขในสปป.ลาว ซึ่งในระยะเริ่มต้น THG ตั้งเป้าที่จะเปิดโรงพยาบาล 3 แห่ง ภายใต้แบรนด์ THG ได้แก่

1. ร่วมทุนกับรัฐบาลสปป.ลาว เปิดโรงพยาบาล THG ขนาด 150 เตียง ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

2. ร่วมทุนกับนักธุรกิจจีน เปิดโรงพยาบาล THG ขนาด 200 เตียงทำเลพื้นที่ใกล้เคียง World Trade Center Lao

3. ร่วมทุนกับ Dao Heuang Group เปิดโรงพยาบาล THG ขนาด 150 เตียง ที่แขวงจำปาสัก ตรงข้ามด่านพรมแดนช่องเม็ก โดย THG ลงทุน 25%

“ก่อนหน้านี้เรามีการลงทุนโรงพยาบาลในเวียดนาม เมียนมาและมาเลเซีย สำหรับการขยายธุรกิจโรงพยาบาลในสปป. ลาว เราจะไม่ลงทุนก่อสร้างใหม่ทั้งหมดแต่จะพัฒนาจากแอสเสทเดิมที่มีอยู่ในพื้นที่และลงทุนในเรื่องเครื่องมือแพทย์ และเสริมศักยภาพบุคลากรโดยส่งแพทย์ไปเทรนในต่างประเทศ ซึ่งโมเดลนี้เราประสบความสำเร็จในเวียดนามมาก่อน และในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลในต่างประเทศเราจะต้องมีการร่วมทุนกับพาร์าเนอร์ในประเทศนั้นๆเพราะเราดูแลไม่ไหว เนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นแรงมาก โดยเฉพาะจีนที่ไม่ให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าไปลงทุน”

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,815 วันที่ 4 - 7 กันยายน พ.ศ. 2565