แม่ทัพป้ายแดง ‘ลาล่ามูฟ’ ขยายธุรกิจ ลดอัตราเสี่ยงทุกรูปแบบ

15 ก.ค. 2565 | 21:30 น.

ในขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เติบโตเป็นธุรกิจดาวเด่นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า ก็พลอยได้รับอานิสงส์ เติบโตตามกันมาติดๆ   ทำให้สนามการแข่งขันร้อนฉ่า ด้วยปริมาณคู่แข่งที่มีมากมาย “ลาล่ามูฟ” สตาร์ทอัพเชื้อสายฮ่องกง

ที่เข้ามารุกตลาดโลจิสติกส์เมืองไทยได้กว่า 7 ปี ก็ปรับตัวลุยเต็มที่ ด้วยแรงผลักดันของ “เบน ลิน” กรรมการผู้จัดการ ป้ายแดง ของ ลาล่ามูฟ ประเทศไทย 
 

“เบน”บอกตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่า เขาเข้ามาทำงานที่ลาลามูฟได้ 5 เดือน แต่ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างแล้ว ด้วยความที่เป็นคนทำงานเร็ว และศึกษาลาลามูฟมาแล้วระยะหนึ่ง ก่อนที่จะเข้ามาเริ่มงาน

แม่ทัพป้ายแดง ‘ลาล่ามูฟ’ ขยายธุรกิจ ลดอัตราเสี่ยงทุกรูปแบบ

แม้ “เบน” จะพยายามคุมดีมานด์การใช้บริการ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ต้องขยายธุรกิจให้เติบโต พร้อมปักธงในปีแรกที่เข้ามาบริหาร ลาลามูฟต้องเติบโต 50% และสามารถให้บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยภายใน 2 ปี  โดยปีแรกสิ่งที่เขาเดินหน้าก่อนสิ่งอื่น คือ การจัดโครงสร้าง รับทีมงานเพิ่ม พร้อมกับการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ด้วยการดึง บิวกิ้น- พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล นักร้อง นักแสดง และนักธุรกิจรุ่นใหม่ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของลาลามูฟ โดยที่ผ่านมา ลาลามูฟไม่เคยสร้างแบรนด์มาก่อน 


 “การปรับโครงสร้าง สตาร์ทอัพไม่ได้อยากมีเลเยอร์มาก แต่ตอนนี้ ธุรกิจเรามีสเกลที่ใหญ่ขึ้น เราเลยต้องเพิ่มเลเยอร์ เพื่อให้เข้ากับการเติบโต แต่ยังคงสปีดแบบสตาร์ทอัพ เพราะเราเป็นสตาร์ทอัพที่โตแล้ว”

ต่อจากการสร้างแบรนด์ คือ การขยายบริการทั้งในตลาด Last-mile logistics ซึ่งเป็นตลาดที่ลาลามูฟกำลังขยายตัวเต็มที่ ด้วยรถ 7 ประเภท ที่มีทั้งรถมอเตอร์ไซด์ รถเก๋ง 4 ประตู รถยนต์นั่งซีดาน รถยนต์ขนาดเล็ก(Hatchback) รถ SUV รถกระบะ รวมถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งยังไม่มีผู้ให้บริการมาก่อนในกลุ่มธุรกิจการขนส่ง 
 นอกจากขยายบริการในแนวกว้างแล้ว “เบน” ยังลงลึกในตลาด Mid-mile logistics หรือการขนส่งในระยะกลาง เช่น การขนส่งระหว่างโรงงานมายังโกดังหรือสต็อก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจทั้งในระดับองค์กร และระดับ SMEs 


  แม่ทัพป้ายแดง ‘ลาล่ามูฟ’ ขยายธุรกิจ ลดอัตราเสี่ยงทุกรูปแบบ

“เบน” บอกว่า ตลาด Mid-mile logistics  ถือเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ลาลามูฟไปสู่เป้าหมาย และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงจากตลาดขนส่ง ที่ก่อนหน้านี้และปัจจุบันโลจิสติกส์ จะเติบโตจากตลาดฟู้ดดิลิเวอรี่ค่อนข้างมาก กินส่วนแบ่งไปถึง 70% ในขณะที่การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง ดังนั้น เป้าหมายของเขาคือ การเพิ่มสัดส่วนการขนส่งระบบกลาง หรือกลุ่มลูกค้า SMEs เป็นสัดส่วน 50:50 เพื่อสร้างความมั่นคงและโอกาสเติบโตให้กับลาลามูฟแบบต่อเนื่อง 
 

จากแนวทางดำเนินธุรกิจทั้งแนวลึก - แนวกว้าง อย่างครอบคลุม รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำ จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ลาลามูฟเติบโตได้ 50% ตามเป้า ซึ่งขณะนี้ผ่านมาครึ่งปี “เบน” บอกว่า ลาลามูฟเติบโตไปแล้ว 40%   
  แม่ทัพป้ายแดง ‘ลาล่ามูฟ’ ขยายธุรกิจ ลดอัตราเสี่ยงทุกรูปแบบ

แม่ทัพป้ายแดงคนนี้ มองครบลูป ครอบคลุมถึงไดร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นคนสำคัญของธุรกิจขนส่ง เขาอธิบายว่า ลาลามูฟไม่มีไดร์ฟเวอร์เป็นพนักงานประจำ และไม่พยายามบังคับ (force) ให้ไดร์ฟเวอร์ต้องรับงาน แต่เป็นการเปิดอิสระให้คนทำงาน ทุกอย่างเป็นไปโดยความสมัครใจ แต่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือ การอบรม และการวางแผนขับขี่ให้เหมาะสมกับไดร์ฟเวอร์แต่ละคน โดยนำดาต้าที่มีมาวิเคราะห์ เพื่อการจัดวางเส้นทางและการรับงานเหมาะกับคนขับแต่ละคน ซึ่งล่าสุด เขาเตรียมที่จะอบรมข้อมูลเหล่านี้ให้กับไดร์ฟเวอร์ได้เรียนรู้โดยตรง 
 

ส่วนการขยายบริการ ขณะนี้ ลาลามูฟมีบริการแค่ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล “เบน” มองว่า ในปีหน้า หลังจากทำให้ตลาดเดิมมั่นคงยิ่งขึ้นแล้ว จะขยายตลาดไปสู่ต่างจังหวัด โดยดูโอกาสทางการตลาด ที่ไม่เพียงแต่ในจังหวัด แต่หมายรวมถึงตลาดโดยรอบจังหวัด ที่ต้องสามารถขยายบริการเพิ่มได้ด้วย
  แม่ทัพป้ายแดง ‘ลาล่ามูฟ’ ขยายธุรกิจ ลดอัตราเสี่ยงทุกรูปแบบ

“เบน” ปิดท้ายว่า ลาลามูฟค่อนข้างมั่นคงแล้วในระดับหนึ่ง เขามีหน้าที่เข้ามาผลักดันให้มันเติบโตไปอีกสเตท ด้วยการมาเซ็ทโครงสร้างในทีม เซ็ท working process ทำทุกอย่างให้มันดี วันนี้ ลาลามูฟยังไ่ม่ได้กำไร แต่ก็ใกล้แล้ว

 

เขามองว่า ไม่เกินปี 2566 ลาลามูฟจะเป็นสตาร์ทอัพที่ทำกำไรแน่นอน...และนี่คือเป้าหมายที่ท้าทาย ควบคู่กับการคุมสปีดของลาลามูฟให้เติบโตได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยรอบข้างที่เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และก็มีปัญหาใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้น การวางกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ สำหรับผู้บริหารหนุ่มคนนี้ 


หน้าที่ 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,800 วันที่ 14 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565