อีเว้นต์โตแรง "เกรียงไกร" ทุ่ม 410 ล้านซื้อหุ้น อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ คืน

07 ก.ค. 2565 | 13:02 น.

ตลาดอีเว้นท์ครึ่งปีแรกฟื้นตัวชัดเจน หนุนผลงาน "อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ" ครึ่งปีแรกแตะ 965 ล้านบาท โต 72% "เกรียงไกร" ทุ่ม 410 ล้านบาทซื้อหุ้น "อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ" คืนพร้อมกับทรานฟอร์มธุรกิจสู่ Real & Digital Xperience ลุยตลาดต่างประเทศ

ภาพรวมตลาดอีเว้นท์ครึ่งปีแรกของ 2565 เริ่มกลับมาคึกคักหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผู้คนเริ่มคลายความกังวลลง เนื่องจากประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน 3 เข็มหรือมากกว่า และเกิดการอัดอั้น ทำให้กลุ่มธุรกิจต่างๆเริ่มกลับมาใช้เม็ดเงินมากขึ้น

อีเว้นต์โตแรง "เกรียงไกร" ทุ่ม 410 ล้านซื้อหุ้น อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ คืน

ไม่ว่าจะเป็นด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ด้านการเปิดตัวสินค้า การทำโปรโมชั่นสินค้า และบริการ ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และมีการใช้เม็ดเงินอย่างคุ้มค่ามาก พร้อมเผยครึ่งปีแรกผลประกอบการเติบโตสูงถึง 72%  มั่นใจสิ้นปี 65 ปิดยอด 965 ล้านบาท

 

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า “สถานการณ์ตลาดอุตสาหกรรมอีเว้นท์ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี หลายธุรกิจเริ่มกลับมาโปรโมทสินค้า และบริการมากขึ้น ด้านนักการตลาดต่างใช้เงินเพื่อจัดแคมเปญต่างๆ คึกคักมากขึ้น

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)

ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจด้านการเปิดตัวสินค้า และบริการต่างๆ ในธุรกิจหลากหลาย อาทิ ด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านสินค้าอุปโภค และบริโภค ด้านยานยนต์ ด้านการธนาคาร สินเชื่อ และการลงทุน ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม และด้านสินค้าแฟชั่น  เป็นต้น

 

ล่าสุดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ยอดโตสูงถึง 72% เมื่อเทียบกับปี 2564 และเมื่อเทียบระหว่าง Q.1 และ Q.2 ของปีนี้ ยอดโตถึง 139% โดยทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลักของอินเด็กซ์ ฯ คือ

1. กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development)

2. กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service)

3. กลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project)

มีการเติบโตสูงขึ้นทุกกลุ่ม โดยผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผู้คนเริ่มคลายความกังวลลง ทำให้ในปีนี้กลับมาอัดฉีดงบให้กับการจัดงานอีเว้นท์มากขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด ทำให้ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์เติบโตขึ้น

 “นอกจากนี้ยังได้ทุ่มงบกว่า 410 ล้าน เพื่อซื้อหุ้นคืนจาก เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นจาก 50% เป็น 93.62% เพื่อทรานฟอร์มธุรกิจสู่ Real & Digital Xperience โดยอินเด็กซ์ฯ เป็นบริษัทแรกที่ได้ก้าวเข้าสู่ Metaverse Era 

 

โดยเริ่มที่ D.OASIS The ‘Sandbox Metaverse’ โลกเสมือนระดับโลกของเมืองไทย ซึ่งพัฒนา Metaverse Ecosystem เพื่อเชื่อมต่อโลกธุรกิจ (Business), บันเทิง (Entertainment), ครีเอทีฟ (Creative), การศึกษา (Education) และไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำ Web3 และ Metaverse ของเอเชีย โดยร่วมกับ 30 องค์กรพันธมิตรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย

อีเว้นต์โตแรง "เกรียงไกร" ทุ่ม 410 ล้านซื้อหุ้น อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ คืน

ตามมาด้วย Bitkub Fantastic 4th run 2022 โดยมี gimmick งานที่เป็น real experience run to earn ครั้งแรกของประเทศไทย โดยนักวิ่งที่มาร่วมงานทุกท่าน นอกจากได้สุขภาพจากการออกกำลังกายแล้ว ได้เก็บ NFT limited 1,000 ชิ้นในงาน 

 

ต่อด้วย Japan Immersive Experience ที่พาทุกคนไปดื่มด่ำสัมผัสกับประสบการณ์สุดล้ำกับ Digital Art Experience รูปแบบ 360 องศา เริ่ม 8 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม ณ House of illumination ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 

 

และครั้งแรกของประเทศไทยกับคอนเสิร์ตNFT ที่เป็น Immersive Concert and Art Experiences โดยภายในงานสามารถใช้เหรียญ NFT เพื่อร่วมกิจกรรมภายในงานได้ ประเดิมที่คอนเสิร์ตแรกกับแสตมป์ อภิวัชร์ ในวันที่ 18 – 21 สิงหาคม 2565 ณ House of illumination ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

พร้อมกลับไปรุกงานต่างประเทศ โดยในส่วนของงานเทรดแฟร์ในต่างประเทศ ได้แก่ งาน Cambodia Architect & Décor จัดร่วมกับงาน Cambodia Health and Beauty Expo และ Cambodia Food Plus Expo วันที่ 5 - 7 สิงหาคม ณ ประเทศกัมพูชา และงาน Virtual Exhibition Architect & Décor ,Virtual Exhibition FoodBev Retail, Health & Beauty จัดวันที่ 25 – 26 พฤศจิกายน และงาน Bangkok Beauty Show 2022  งานเดียวที่มีครบจบทุกเรื่องของความสวย จัดระหว่างวันที่ 15-17 ธันวาคม ณ ศูนย์ประชุม ไบเทค บางนา

 

ส่งผลให้สัดส่วนของกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มธุรกิจ ครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ (Creative Business Development) คิดเป็นร้อยละ 28% 2.กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Service) คิดเป็นร้อยละ 52% และ3.กลุ่มโอน-โปรเจค (Own-Project) คิดเป็นร้อยละ 20%  มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปี 2565 สามารถปิดยอดตามเป้า 965 ล้านบาท เติบโตขึ้น 54 เปอร์เซ็นอย่างแน่นอน”