นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ ส่งผลต่อราคาพลังงาน เงินเฟ้อและต้นทุนวัตถุดิบการผลิตสินค้าทุกตัวปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลในเดือนกรกฎาคมนี้ ยังมีวัตถุดิบขึ้นราคาอีก เช่น แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม ที่ใช้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมถึงวัตถุดิบในการผลิตผงซักฟอกก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน
ขณะที่ผู้ผลิตยังไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุมต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นขอปรับราคาไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ คาดหวังหลังเสร็จการอภิปรายในเดือนกรกฎาคมนี้ น่าจะมีความชัดเจนจากภาครัฐจะให้ขึ้นราคาหรือไม่ ทั้งนี้ อยากให้รัฐเข้าใจและเห็นใจผู้ผลิตบ้าง
“จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้เราแบกรับภาระต้นทุนการผลิตค่อนข้างหนัก หากเราไม่ขึ้นราคาก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งเราได้เตรียมรับสถานการณ์ คือ ลดค่าใช้จ่าย ส่วนการผลิตยังไม่แน่ใจว่าจะต้องลดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับซัพพลายของวัตถุดิบขาดหรือไม่
เพราะถ้าวัตถุดิบตัวใดตัวหนึ่งขาดเราก็เทรดไม่ได้ ตอนนี้เราผลิตสินค้าออกแพงกว่าราคาขายให้กับผู้แทนจำหน่าย เช่น บะหมี่ซื้อสัตย์ ที่ขาดทุน แต่เรายังขายราคาเดิมซองละ 6 บาท พูดง่ายๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ไม่ขึ้นเลย”
อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่สินค้าควบคุมและได้ปรับราคาขายแล้ว เช่น โยเกิร์ต ปรับขึ้น 2 บาทต่อถ้วย เนื่องจากนมผงที่ใช้ผลิตปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น สำหรับต้นทุนการขนส่งก็เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดีเซล 35 บาทต่อลิตร ซึ่งบริษัทรับภาระในส่วนที่ขนส่งเอง ซึ่งเป็นเส้นทางวิ่งระยะไกล ขณะนี้บางเส้นทางจ้างบริษัทขนส่งก็มีขอปรับค่าขนส่งขึ้น แต่บริษัทพยายามจะกระทบต่อต้นทุนให้น้อยที่สุด