โชว์ของ “KCG” ส่ง 4 นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ในงานไทยเฟกซ์ 2022

23 พ.ค. 2565 | 11:38 น.

KCG ขน 4 นวัตกรรมใหม่ ‘HEMP, Keto, Plant Based, Dairy Snack’ รับเทรนด์อาหารแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพ ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022

งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 งานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย  ที่มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,200 ราย มีผู้ซื้อกว่า 2,500 ราย และมีผู้เข้าชมงานกว่า 4 หมื่นคน พร้อมเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 – 28 พ.ค. นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานผู้ประกอบการต่างนำเสนอนวัตกรรม เพื่อเป็นจุดขายดึงดูดลูกค้าอย่างเต็มที่

 

นายตง ธีระนุสรณ์กิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ KCG  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “อิมพีเรียล” และ “อลาวรี่” และนำเข้าสินค้ากว่า 40 แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก  เปิดเผยว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกำลังเป็นกระแสที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในระดับโลก ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกมีความตื่นตัว

ตง ธีระนุสรณ์กิจ

มุ่งพัฒนานวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตเพื่อรับเมกะเทรนด์โลก ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช (Plant Based) กลุ่มผลิตภัณฑ์ Keto และกลุ่มผลิตภัณฑ์กัญชง (Hemp) ซึ่งเป็นอาหารทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และเพื่อตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหารที่มุ่งเน้นคุณค่าของการสร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคและสร้างความสำเร็จเชิงธุรกิจให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ

 

โดยไฮไลต์ที่นำเสนอในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 จะเปิดตัว 4นวัตกรรมสร้างปรากฎการณ์หน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่

 

1.นวัตกรรมจากกัญชง เปิดตัวผลิตภัณฑ์เนยกัญชง ภายใต้แบรนด์อิมพีเรียล (Imperial HEMP Spreadable Butter) และเนยกระเทียมกัญชง ภายใต้แบรนด์อลาวรี่ (Allowrie Garlic Butter with HEMP Oil) ผลิตภัณฑ์ทำจากน้ำมันกัญชง ซึ่งเป็นแหล่งโอเมก้า 3,6,9 ที่ดี และมีเทอร์ปีน (Terpenes) ช่วยให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับทาขนมปัง

 

2.นวัตกรรม Keto เทรนด์สุขภาพที่มาแรง KCG นำเสนอ Butter MCT เนยทำจากน้ำมันมะพร้าวที่มีไตรกลีเซอไรด์ สายกลาง (MCT) เป็นไขมันอิ่มตัวสายกลางที่ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานโดยไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกิน พร้อมทั้งยังมีสินค้าใหม่หลากหลายรายการ อาทิ ขนมปังโทสต์เนื้อนุ่ม ขนมปังแซนด์วิชสไลด์บาง และแป้งพิซซ่าสำเร็จรูป เป็นต้น

เคซีจี คอร์ปอเรชั่น

3.นวัตกรรมโปรตีนจากพืช (Plant Based) เทรนด์อาหารสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากกลุ่มผู้บริโภค ด้วยรสชาติที่มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และเหมาะกับการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจากพืช 100% โดย KCG ขนนวัตกรรมจากแบรนด์ ‘อิมพีเรียล’ มาโชว์ในงาน ได้แก่ ชีสวีแกนเชดดาร์ (Imperial vegan cheddar style slices) ผลิตภัณฑ์สเปรดที่ใช้ประกอบอาหารทุกเมนูทอด ผัด ย่าง อาทิ Imperial Plant Sterol Spread สเปรดโปรตีนจากพืช เป็นต้น

 

4.นวัตกรรมสินค้ากลุ่มแดรี่ในรูปแบบแสน็ค (Dairy Snack) เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่KCGได้พัฒนาสินค้าแดรี่ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคในรูปแบบสแน็คพร้อมทาน รวมถึงไปการสร้างสีสันด้วยการนำเสนอแพ็คเกจสินค้าที่พัฒนากับคาร์แรคเตอร์ไลเซนระดับโลก

 

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) ที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคทางด้านสุขภาพและความสะดวกสบาย (Health & Convenice) ได้แก่ แบรนด์ Bakers'choice แครกเกอร์น้ำตาล 0% ผลิตภัณฑ์มินิคุ้กกี้ ที่ใช้กลยุทธ์การตลาด Collaboration นำคาแร็คเตอร์การ์ตูนดังระดับโลกมาสร้างสีสันทางการตลาด เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

เคซีจี คอร์ปอเรชั่น

ด้านดร.วาทิต ตมะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า KCG เป็นบริษัทชั้นนำในการสร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหาร ผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารตะวันตก ที่ทั้งผลิตและจำหน่ายรวมทั้งคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีจากทั่วโลก เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพสู่ผู้บริโภคและสร้างความสำเร็จเชิงธุรกิจให้กับคู่ค้า Horeca ทั้งกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจจัดเลี้ยง

 

บริษัทเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การขยายกิจการ โดยเข้าซื้อกิจการบริษัท อินโดกูนา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารสดและอาหารแช่แข็งเนื้อสัตว์ ซีฟู้ด ชั้นนำในประเทศไทยโดยมีสินค้ามากกว่า 300 รายการ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอครอบคลุมจากผลิตภัณฑ์แดรี่โปรดักส์ไปสู่ผลิตภัณฑ์อาหารสด สร้างความแข็งแกร่งให้กับ KCG และตอกย้ำผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารครบวงจร และเพิ่มโอกาสในการรุกขยายตลาด Horeca ในประเทศไทย

 

บริษัทมีการปรับช่องทางในการจัดจำหน่ายลูกค้า (B2C) เน้นที่ช่องทางการขาย Online ซึ่งจะเติบโตถึง 300% และช่องทางร้านสะดวกซื้อซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนลูกค้า B2B เน้นการให้บริการสร้างเมนูที่เหมาะสมให้กับลูกค้าที่เป็นโรงงานผลิตเบเกอรี่และให้บริการกับร้านเบเกอรี่ขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและการบริการที่ยืดหยุ่นให้กับลูกค้า Horeca ซึ่งจะกลับมาเติบโตขึ้นอย่างมากหลังโรคระบาด