L&E เดินหน้าแผนรุกตลาดค้าปลีกหลอด LED

12 พ.ค. 2559 | 08:46 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2559 | 16:00 น.
[caption id="attachment_52351" align="aligncenter" width="336"] L&E_คุณปกรณ์ บริมาสพร ปกรณ์ บริมาสพร[/caption]

นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศ ไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2559 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2559 โดยปัจจัยหลักมาจากงานโครงการที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 บริษัทฯ มีมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) 900 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งงานภาครัฐและงานภาคเอกชน ทั้งนี้ จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ด้านการค้าปลีกยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับ เปลี่ยนมาใช้หลอด LED เพิ่มขึ้นจากความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อการประหยัดพลังงานได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น และการเติบโตเพิ่มขึ้นของงานโครงการเป็นผลจากก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์การค้าและร้านค้าต่างๆที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แผนการตลาดของบริษัทฯในปี 2559 ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการเตรียมพร้อมรับมือจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ของตลาด LED ตลอดจนการเปิดเสรีของการค้าอาเซียนที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว รวมทั้งบริษัทฯ มีความพร้อมและโรงงานแห่งใหม่ ที่จังหวัดปทุมธานี สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ในช่วงไตรมาส 2/2559  นี้ ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2559 ของ L&E เติบโตได้ตามเป้าหมายคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตอย่าง น้อย 15-20%  โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ปี 59 จะมาจากงานโครงการ 65 % ค้าส่ง ค้าปลีก 28 % และตลาดต่างประเทศ 7% ซึ่งรายได้ค้าปลีกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากหลอด LED และบริษัทฯ มีกำลังการผลิตหลอด LED เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดปทุมธานี

“ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าผลประกอบการน่าจะดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน หากไม่มีอะไรผิดพลาดยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่หากให้ประเมินผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังยังคงยากแก่ประเมิน เราต้องมองปัจจัยหลายด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจโดยรวม คงต้องว่ากันในช่วงใกล้ๆ แต่ถ้ามองจากภาวะปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1 และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ในทิศทางเดียวกันจึงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ 15-20% จากปีก่อนได้” นายปกรณ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 675 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 18% เป็นผลจากงานโครงการขยายตัวเพิ่มขึ้น 9% งานค้าส่ง/ค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10% และงานส่งออกเพิ่มขึ้น 159% การเติบโตเพิ่มขึ้นของงานโครงการเป็นผลจากก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์การค้า และร้านค้าต่าง ๆ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เพื่อการประหยัดพลังงานได้ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้นของงานค้าส่ง/ค้าปลีกเป็นผลจากการเพิ่มโชว์รูมอีกหนึ่งแห่ง ที่ถนนราชพฤกษ์ สำหรับงานส่งออกที่เพิ่มขึ้น 159% นั้น เป็นผลจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงการขยายตัว เพิ่มขึ้นของตลาดในประเทศออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 1.9 ล้านบาท ลดลงจากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากอัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 29.5% ในปี 2558 เป็น 25.0% ในปี 2559 เพราะในไตรมาสที่ 1  บริษัทฯ ได้ขายสินค้าบางกลุ่มที่เห็นว่าอาจล้าสมัยในปริมาณมากโดยมีอัตรากำไรที่ต่ำ รวมทั้งบริษัทฯ ยังใช้กำลังผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ได้ไม่เต็มที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของ สินค้าบางกลุ่มยังสูงอยู่ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 14.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 9% เป็นผลจากการปรับเงินเดือนประจำปีและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรง งานและคลังสินค้าแห่งใหม่ เช่น ค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน ค่าสวัสดิการช่วยเหลือพนักงานที่ต้องเดินทางไปทำงานที่โรงงานใหม่ และดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้ยืมระยะยาว