ซาลัส ไบโอซูติคอล เตรียมส่งมอบCBD และTHC ล็อตแรกป้อนตลาดไทย-ต่างประเทศ

17 ธ.ค. 2564 | 04:30 น.

ซาลัส ไบโอซูติคอล (ประเทศไทย) เปิดตัวห้องปฏิบัติการล้ำสมัยสำหรับการผลิตและสกัดกัญชาและกัญชงกำลังการผลิตสูงแห่งแรกในเอเชีย รองรับดีมานด์เชิงการแพทย์และพานิชย์ เตรียมส่งมอบสารสกัด CBD และผลิตภัณฑ์ THC ล็อตแรกป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศภายในสิ้นปีนี้

เห็นภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆสำหรับอุตสาหกรรมกัญชา กัญชง ทั้งเชิงการแพทย์และพานิชย์ หลังจากผ่านกฏหมายและซัพพลายเชนต้นน้ำหรือการปลูกเริ่มเห็นผลผลิต และป้อนสู่ซัพพลายเชนกลางน้ำหรือการสกัด ที่วันนี้หลายบริษัทเริ่มเดินเครื่องและเตรียมส่งมอบสารสกัด CBD และ THC ให้กับอุตสาหกรรมปลายน้ำ เพื่อผลิคสินค้าออกสู่ตลาดต่อไป 

ซาลัส ไบโอซูติคอล เตรียมส่งมอบCBD และTHC ล็อตแรกป้อนตลาดไทย-ต่างประเทศ

รวมทั้งบริษัท ซาลัส ไบโอซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด (SBT) ซึ่งเกิดจากร่วมทุนกับ Salus International Management Ltd. (SIM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MPX International Corporation (MPXI)ได้ทุ่มงบกว่า600 ล้านบาทเปิดตัวห้องปฏิบัติการล้ำสมัยสำหรับการผลิตและสกัดกัญชาและกัญชงและเดินเครื่องสกัดด้วยกำลังการผลิตสูงแห่งแรกในเอเชีย โดยสารสกัดล็อตแรกจะถูกส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งในเชิงการแพทย์และพานิชย์ภายในสิ้นปีนี้ 

 

 

นายวิลเลียม สก็อต บอยส์ ประธานบริษัท ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหารของ MPXI ประธานบริษัทและประธานกรรมการของ SIM เปิดเผยว่าท่ามกลางกระแสการใช้กัญชาทั่วโลก ประเทศไทยซึ่งมีจำนวนประชากรกว่า 70 ล้านคนเป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมนี้ ภายหลังจากที่กฎหมายรับรองการใช้กัญชาทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2562 มีผู้ป่วยชาวไทยประมาณ 600,000 คนที่สามารถเข้ารับการรักษาโดยการใช้กัญชา 

ซาลัส ไบโอซูติคอล เตรียมส่งมอบCBD และTHC ล็อตแรกป้อนตลาดไทย-ต่างประเทศ

รวมถึงในปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ด้านการแพทย์มากเป็นอันดับสามของโลก คาดว่ารายได้จากการรวมอุตสาหกรรมกัญชาเข้ากับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เพียงอย่างเดียวน่าจะสร้างรายได้ถึง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2567 ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ยังสนับสนุนให้กัญชาทางการแพทย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยอีกด้วย

 

 

“ตลาดเกิดใหม่ของผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD และ THC มาตรฐานการแพทย์ในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลไทย จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ในการเพาะปลูกและผลิตกัญชามาตรฐานการแพทย์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ MPXI ยินดีที่ได้มีส่วนสำคัญในการวางแผน พัฒนา และบริหารจัดการโรงงานในเชียงใหม่ของ SBT ในฐานะผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนร่วมในการลงทุน MPXI คาดว่าโรงงานนี้จะสร้างรายได้และผลกำไรในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินของ MPXI และ SIM เป็นอย่างมาก ตลอดจนสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของ MPXI และ SIM ”



 

ด้านนายธนดี พันธุมโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ SBT กล่าวว่า “ การเปิดโรงงานผลิต CBD ในประเทศจะช่วยให้เราตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD ที่หลากหลายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โรงงานแห่งนี้จะสร้างห่วงโซ่ที่มีมูลค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น รวมถึงทำให้ชุมชนท้องถิ่นมีโอกาสในการทำงานและรายได้เพิ่มขึ้น

 

โรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการสกัดชีวมวลมากกว่า 200,000 กิโลกรัมต่อปี ผลิตน้ำมัน CBD ได้มากกว่า 50,000 ลิตร และผลิต Isolate powder และ CBD Isolate Water Soluble ได้​90,000 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งทำให้ SBT เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและสกัดกัญชาและกัญชงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งนอกทวีปอเมริกาเหนือ โดยบริษัทมีพื้นที่การเพาะปลูกในระบบปิดขนาด 800 ตร.ม. และอาคารอื่นๆ มีกำลังการผลิตสูงในการสกัดและการกลั่นโดยใช้อุปกรณ์​ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมกัญชาและมีห้องปฏิบัติการระดับการแพทย์เพื่อวิเคราะห์กัญชงและกัญชา ทำให้มีกระบวนการการกลั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถผลิตผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD ในระดับสูงและมีคุณภาพที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง 

 

ทั้งนี้ SBT เพิ่งได้รับใบอนุญาตสกัดกัญชง ซึ่งทำให้ SBT สามารถเริ่มดำเนินการและสกัดดอกกัญชงอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย  SBT จึงเป็นหนึ่งในบริษัทรายแรกๆ ของประเทศไทยที่มีใบอนุญาตในการผลิตผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD อย่างครบถ้วน

 

โดยSBT จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันวิจัยและพัฒนากัญชงกัญชาและสมุนไพร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยจะทำการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจด้านการเกษตรและเศรษฐกิจการเกษตรของกัญชาและกัญชงในเขตร้อน รวมถึงการสกัดเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ SBT ยังมีเป้าหมายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน และกลุ่มเกษตรกรในท้องถิ่นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการดำเนินการเพาะปลูกพืชกัญชงที่มีสาร CBD สูง และ THC ต่ำ โดย SBT ได้สร้างแปลงสาธิตสำหรับเพาะปลูกกัญชงกลางแจ้งที่วิทยาเขตต่างๆ ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานถึง 5 วิทยาเขต เพื่อพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูกและถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในท้องถิ่น

 

เนื่องจากประเทศไทยได้มีการลงทุนในตลาดกัญชาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โอกาสต่างๆ สำหรับธุรกิจในอนาคตจะเพิ่มขึ้น ในฐานะที่เราเป็นบริษัทกัญชาทางการแพทย์แห่งแรกในอเมริกาเหนือที่ก้าวเข้าสู่ตลาดของประเทศไทย ในขั้นแรก SBT จะเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์กัญชามาตรฐานการแพทย์ที่เป็นไปตามมาตรฐาน EU-GMP เช่น CBD distillate Isolate Powder และ CBD Isolate Water Soluble เพื่อจำหน่ายในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสำหรับตลาดในประเทศ และตั้งเป้าที่จะครองตลาดในอาเซียนด้วยการขยายตลาดทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อประเทศไทยประกาศตัวเองเป็นประเทศส่งออกซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการส่งออกที่ 618 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2567

 

SBT จะเข้าสู่หลากหลายภาคอุตสหากรรมในตลาด การได้รับความสนใจจากผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ อาหารเสริม ธุรกิจสปา และอาหารสัตว์หลายแห่งในประเทศไทย SBT จะผลิตสาร CBD Distillate และ Isolate เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของ พ.ศ. 2564 ในระยะของการผลิตยากัญชาและกัญชง SBT อยู่ระหว่างการดำเนินการให้โรงงานได้รับมาตรฐาน GMP เพื่อดำเนินการผลิตยาเม็ด แคปซูล ยาเหน็บ แผ่นยาชนิดติดผิวหนัง และยาชนิดรับประทานที่มีคุณภาพทางการแพทย์ซึ่งมีส่วนประกอบของสารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์อื่นๆ ภายใต้การอนุมัติของรัฐบาล

 

“เรามองว่ากัญชาประเทศไทยเป็นตลาดที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 3 ปีมูลค่าน่าจะแตะหลายหมื่นล้า ฉะนั้นตอนนี้เรากำลังดูว่าเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมในมูลค่าตลาดนี้ได้มากขนาดไหน เพราะกัญชา กัญชงตอนนี้เป็นเทรนด์ของโลกและกฎหมายกัญชงกัญชาของประเทศไทยเปิดโอกาสมากกว่าหลายประเทศ  มีการออกนโยบายต่างๆในเชิงสนับสนุนอุตสาหกรรมกัญชาทำให้เราเห็นว่านี่คือเส้นทางผลิตที่ดีในเอเชีย  นอกจากนี้รัฐบาลก็ยังสนับสนุนในเรื่องของการส่งออกเราจึงเห็นว่าเราจะใช้ประเทศไทยที่มีทั้งเลเบอร์ แพทย์และแรงงานนักวิทยาศาสตร์ต่างๆครบถ้วน สามารถเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในเอเชียและส่งออกไปทั่วโลกได้

 

ตอนนี้ลูกค้าของเรามีทั้งอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม  อาหารเสริมและอาหารสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาต่างๆในเชิงยาสมุนไพร ซึ่งเราจะผลิตวัตถุดิบและส่งมอบอาทิตย์หน้า ให้กับนลูกค้าไทยเป็นหลักในระยะแรกเพราในการส่งออกจะต้องมีขั้นตอนและระยะเวลาในการขออนุญาต ซึ่งตอนนี้ยอดออเดอร์ของเราค่อนข้างสูงมากและเรากำลังเร่งผลิตให้ทันอยู่

 

ในส่วนของวัตถุดิบหาก demand มีมากเกินไปในอนาคตเราก็มองไปถึงในเรื่องของการปลูกเอง สำหรับวัตถุดิบที่ป้อนโรงสกัดตอนนี้มาจากคอนแทคฟาร์มมิ่ง 77 ไร่ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเพียงพอที่จะให้บริการลูกค้าขั้นต้นที่มี order เข้ามา ซึ่งเราก็จะมีการขยายต่อไปเรื่อยๆตาม timeline ที่วางไว้ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะป้อนให้กับตลาดได้ ซึ่งสัดส่วนลูกค้าตอนนี้ส่วนใหญ่ยังมาจากเชิงพานิชย์ 60% ส่วน medical grade กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆและเราก็มีการเตรียมการผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าให้ทัน และในอนาคตเรามองไปถึงการผลิตสินค้าของบริษัทเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะยาจากสารสกัดCBD และ THC”