เสียงตอบรับล้นหลาม Smart SME EXPO 2021 เงินสะพัดกว่า 235 ลบ.

นางสาวณรินณ์ทิพ  วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทได้จัดงาน Smart SME EXPO 2021  เมื่อวันที่ 2-5  ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการจัดงานท่ามกลางกระแสการแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยตลอดทั้ง 4 วัน ได้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทำให้งานสำเร็จลุล่วงปลอดภัย ได้กระแสตอบรับจากผู้สนใจต้องการมองหาธุรกิจแฟรนไชส์ 

รวมทั้งเงินทุนในการเริ่มต้นหรือต่อยอดธุรกิจ และสร้างอาชีพ ได้ดีเกินความคาดหมาย โดยภาพรวมของงานมียอดผู้คนเข้าชมงาน ตลอดทั้ง 4 วัน แบ่งเป็นจากออฟไลน์ร่วม 12,000 คน และการเข้าชมผ่านออนไลน์ด้วยระบบ Virtual Expo รวมทั้งรับชมไลฟ์สด  สูงถึง 18,450 คน”

สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ภายในงานปีนี้กว่า 200 บูธ มีผู้สนใจจองและซื้อแฟรนไชส์ มูลค่ารวมถึง 235  ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายปลีก)  พบว่าปีนี้ธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และธุรกิจสะดวกซัก 24 ชั่วโมง มาแรงสร้างประวัติการณ์  โดยแฟรนไชส์ที่มียอดขายสูงสุดเรียงลำดับ ได้แก่  ตู้เติมน้ำมันอัตโนมัติและคลังน้ำมันออสซี่ออยล์ , แฟรนไชส์ร้านตัดผม Yes it is , แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก วีเจกรุ๊ป, แฟรนไชส์สะดวกซัก อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย, แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักลอนดรี้บาร์ , ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเซอร์บ็อกซ์, แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก Dr.Tiger Laundry, แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก WASHENJOY

นอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์อื่น ๆที่ได้รับความนิยมภายในงาน ได้แก่ แฟรนไชส์ร้าน HANA, กิมจิคุณคิม , 24 Coffee STARTUP, ทีทีทีฟู้ด , อาจุมม่า คอร์นด็อกชีส, กงสีทีบาร์, ตู้จำหน่ายสินค้า SUN Vending  เป็นต้น

ส่วนยอดขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ที่พร้อมใจนำแคมเปญพิเศษมามอบให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์และนักลงทุนภายในงาน  มียอดขอสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 417 ล้านบาท ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย 119 ล้านบาท, Exim Bank 75 ล้านบาท , ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 69 ล้านบาท, ธนาคารออมสิน 59 ล้านบาท , ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  35 ล้านบาท   นอกจากนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ได้ให้บริการค้ำประกันยอดสินเชื่อมูลค่า 58 ล้านบาท  และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มียอดจองสินเชื่อบ้านภายในงาน 35 ล้านบาท

แม้วิกฤติโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดแต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเจรจาจับคู่ธุรกิจภายในงานซึ่งมีทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์รองรับ ทำให้ยอดจำนวนคู่เจรจาธุรกิจสูงถึง  279 คู่ แบ่งเป็นการจับคู่กับคู่ค้าภายในประเทศไทย 163 คู่ และการจับคู่กับคู่ค้าต่างประเทศรวม 116 คู่ คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 152.9 ล้านบาท ซึ่งประเทศที่มีผู้ประกอบการสนใจต้องการส่งออกมากที่สุดคือ ประเทศตะวันออกกลาง 62 คู่ รองลงมาคือ ลาว พม่า และจีน  โดยธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของภาคส่งออกและ Modern Trade มากที่สุดคือ ขนมขบเคี้ยว รองลงมาคือ อาหารแปรรูป และ สกินแคร์ ส่วนปัญหาที่ผู้ประกอบการ SMEs ต้องปรับปรุงแก้ไขส่วนใหญ่คือ เรื่อง ความสวยงาม น่าสนใจของ Packaging และความแข็งแรงเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง

ด้านกิจกรรมสัมมนาและอบรมอาชีพฟรี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เช่นกัน  โดยหัวข้อเสนาที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ สัมมนา "โตแบบก้าวกระโดดด้วยการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์” โดยคุณโซอี้- เภสัชกรหญิงโสภา พิมพ์สิริพานิชย์,  สัมมนา“นักธุรกิจ SME สุขภาพดีมีกำไร” โดย ดร.สง่า ดามาพงษ์ และ คุณณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ผู้บริหารพีเอ็มจี  และสัมมนา "สุดยอดธุรกิจ Food Truck เปิดความลับความสำเร็จและการต่อยอดสู่แฟรนไชส์” โดย ดร.วิชัย เจริญธรรมานนท์ ร่วมด้วยผู้ประกอบการเครปไส้พูนและไก่ทอดนายทร  ส่วนอบรมอาชีพที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สารพัดจิ้ม ต้นแบบน้ำจิ้มลูกชิ้นยืนกิน โดยคุณแบงค์ นัฐพร เรืองผล วิทยากรจากสถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวย  น้ำสลัดสร้างอาชีพโดยอาจารย์หนึ่ง-สิรีสุรีนันท์ จงศิริกุล เจ้าของแบรนด์สลัดไฮโซ และ กาแฟสโลว์บาร์โดยคิวเกรดเดอร์แถวหน้าเมืองไทย  โดยมีผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาและอบรมอาชีพร่วม 2,216 คน 

“การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมด้วยพันธมิตรทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้เกิดเวทีซื้อขาย-เจรจาธุรกิจแห่งปีขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาด ด้วยมุ่งหวังให้งานนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศช่วงปลายปี  สร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่  รวมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพ ให้โอกาสสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 รวมทั้งคนทั่วไป ได้เริ่มต้นและก้าวเดินอย่างเข้มแข็งต่อไป”