“โฮมโปร” โตต่อเนื่อง โกยรายได้ 9 เดือนกว่า รวม 4.6 หมื่นล้าน

27 ต.ค. 2564 | 06:32 น.

“โฮมโปร” โชว์รายได้ช่วง 9 เดือนแรก 46,563.69 ล้าน เพิ่มขึ้น 839.25 ล้าน มีกำไรสุทธิ 3,665.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.76 ล้านบาท เผยตัวเลขโตสวนกระแส มาจากการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทาง Omni Channel และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรก 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 46,563.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 839.25 ล้านบาท หรือ 1.84% และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 3,665.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.76 ล้านบาท หรือ 1.54 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 44,376.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 942.83 ล้านบาท หรือ 2.17% แม้จะมีการปิดสาขาชั่วคราวในไตรมาส 3 ของปี 2564 เป็นผลจากทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทาง Omni Channel และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งบนช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ เช่น Homepro Super Expo และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น เช่น พฤติกรรมทำงานที่บ้าน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 844.03 ล้านบาท ลดลง 237.91 ล้านบาท หรือ 21.99% เป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงมีการปรับลดหรือยกเว้นค่าเช่าให้แก่ผู้เช่า ซึ่งยังได้รับผลกระทบจากระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ ตามคำสั่งของรัฐบาลได้กำหนดให้สามารถเปิดธุรกิจในศูนย์การค้า ได้เพียงบางประเภท ซึ่งสามารถเปิดได้น้อยกว่าช่วงเวลาปิดศูนย์การค้าในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ รายได้ร้านค้าเช่าจากศูนย์การค้าลดลง รวมถึง ไม่มีรายได้ค่าเช่าจากพื้นที่เช่าที่มาจากการจัดงาน Homepro Expo เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ที่มีการจัดกิจกรรม HomePro Expo 

บริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นอีก จำนวน 1,342.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134.33 ล้านบาท หรือ 11.12% โดยเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในสาขาเพิ่มขึ้น และมีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 11,257.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 345.45 ล้านบาท หรือ 3.17% โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.12% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.37% เป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนจัดซื้อสินค้า ควบคุมต้นทุน และเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าสำหรับการทำงานที่บ้าน และกลุ่มสินค้าทำความสะอาด  ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่ 3 จะได้รับผลกระทบทำให้อัตรากำไรขั้นต่ำลดลงก็ตาม

นายคุณวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ พัฒนาช่องทาง Omni Channel มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจำหน่ายสินค้า และการให้บริการต่างๆ เช่น Click and Collect (สั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับที่สาขา) Same Day Delivery (จัดส่งสินค้าภายในวันที่มีการสั่งซื้อ)  และ social media platform “Shop4You” (ผู้ช่วยเสมือนในการเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองที่สาขา) ทำให้บริษัทฯ พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

บริษัทฯ มองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม Work From Home เป็นโอกาสที่จะได้เพิ่มสัดส่วนสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆ ของบริษัทฯ ทางช่องทาง Home Pro Application และ Home Service Application นอกเหนือจากทางเว็บไซต์

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการดำเนินการสาขาที่มีคำสั่งปิด ด้วยการปรับใช้ระบบ Order Fulfillment เพื่อสื่อสารกับฝ่ายคลังสินค้าในแต่ละสาขา โดยระบบจะเชื่อมโยงการส่งสินค้ากับการสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า สนับสนุนการจัดส่งภายในวันและจัดส่งในวันถัดไป ทั้งยังให้พนักงานในสาขาปรับการให้บริการเป็นแบบ Shop4You เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการสั่งซื้อสินค้าตลอดจนจบกระบวนการ นอกจากนี้สาขายังสามารถจัดเตรียมสินค้าสำหรับลูกค้าที่สะดวกเข้ามารับสินค้าด้วยตัวเองที่สาขาเป็นบริการ Click And Collect ดังนั้นบริษัทฯ จึงสามารถใช้พื้นที่ในสาขา และทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 8 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 7 สาขา ทั้งนี้ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร ของบริษัทฯ อยู่ในระดับมั่นคงและแข็งแรงในระดับ AA- จากการจัดอันดับของ TRIS Rating อีกด้วย