นาย ไฮน์ ชูมัคเกอร์ (Hein Schumacher) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟรีสแลนด์คัมพิน่า กล่าวว่า “เป้าประสงค์ของเราคือการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโภชนาการที่ดีกว่าเดิม เราจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในดัชนีการเข้าถึงโภชนาการ หรือ Global Access to Nutrition Index ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราได้พัฒนาการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่วางไว้”
ซึ่ง ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ได้ก้าวสู่อันดับที่ 3 ของดัชนีการเข้าถึงโภชนาการทั่วโลกปี 2021 โดยดัชนีดังกล่าวจัดอันดับกลุ่มผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ เพื่อประเมินคะแนนความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตที่มีต่อภาวะทุพโภชนาการและโรคอ้วนทั่วโลก อีกทั้ง “โภชนาการที่ดีขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อทุกคน” เป็นพันธกิจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ ภายใต้แนวคิดเรื่องความยั่งยืนของฟรีสแลนด์คัมพิน่า
โดยพันธกิจดังกล่าว ได้แก่ การปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคให้ดีต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยการลดน้ำตาล ไขมันและเกลือ โดยสัดส่วนความสำเร็จเพิ่มขึ้นจาก 57% ในปี 2558 เป็น 75% ในปี 2563 และอีกด้านคือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการที่ดีพร้อมสารอาหารที่จำเป็นในพื้นที่ที่ประชากรมีรายได้น้อยเป็นจำนวนมาก เช่น ไนจีเรีย ไอเวอรี โคสต์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น
ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ยังได้สานต่อพันธกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่อันดับ 3 ของ Global Access to Nutrition Index 2021โดยการออกผลิตภัณฑ์ที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งมีหลากหลายให้เลือกสรรตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม
ล่าสุด “โฟร์โมสต์” ออกผลิตภัณฑ์นมยูเอชที รสจืด ไขมัน 0% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์นมไร้ไขมัน อีกทั้งนมยูเอชทีของโฟร์โมสต์เป็นนมโค 100% นับเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับคนที่ต้องการโปรตีนและแคลเซียมจากนม เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น – วัยทำงาน ช่วงที่ต้องเก็บตัว เรียนออนไลน์ หรือ work from home
นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของโฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 ด้วยสูตรที่อุดมด้วยโภชนาการระดับพรีเมียม กับ โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส ที่เน้นพัฒนาการสมองกับเด็กเล็ก อายุ 1 ปีขึ้นไปและโฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 4 พลัส ที่เน้นพัฒนาการทางสมองและร่างกาย ของเด็กวัยกำลังโต อายุ 4 – 12 ปี ที่กำลังพัฒนากล้ามเนื้อและต้องการเพิ่มส่วนสูง
“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างเสริมโภชนาการที่ดีผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งมีพร้อมสำหรับรองรับประชากรโลกที่กำลังเติบโตมากขึ้นและสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ขัดสน ขาดรายได้ หรืออาศัยอยู่ในประเทศที่ขาดเสถียรภาพในการเข้าถึงอาหาร หรือไม่สามารถเข้าถึงสารอาหารที่ดีได้โดยง่าย”