ททท.เดินหน้าขับเคลื่อน 3 พันธกิจพลิกฟื้นท่องเที่ยวหลังโควิด

15 ก.ค. 2564 | 12:19 น.

ททท. มั่นใจ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไปได้สวย ตัวเลขนักท่องเที่ยวส่งสัญญาณดีขึ้น คาดไตรมาส4 ยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ พร้อมเร่งผลักดันไทยให้เป็น Top of mind ในใจของนักท่องเที่ยว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่เริ่มเปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ภายใต้การควบคุมของมาตรการทางด้านสาธารณสุขนับว่าประสบความสำเร็จมากโดยนับตั้งแต่วันที่ 1-14  ก.ค. ที่ผ่านมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในโปรแกรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์  ประมาณ 5,742 คน และเข้าพักเฉลี่ย 12 คนต่อคืน เทียบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวของเดือนพ.ค.ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 6512 คน มีเที่ยวบินเข้าภูเก็ต 2-8 เที่ยวต่อวัน และสิงคโปร์แอร์ไลน์กำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงเข้าประเทศไทยเพิ่ม 2 เที่ยวบินต่อและมีการจองห้องพักเข้ายาวไปจนถึงต้นปี 2565 

 

ในขณะที่ด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนความกังวลว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาและเกิดการระบาด ซึ่งตั้งแต่ดำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์  พบผู้ติดเชื้อ 10 คนจากนักท่องเที่ยว 5,742 คน ดังนั้นหากดูมิติในเรื่องของการตลาดและความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจนถึงปัจจุบันเราเริ่มต้นได้ค่อนข้างดี

 

“นายกรัฐมนตรีเคยประกาศว่า 120 วันจะเปิดประเทศในพื้นที่ที่มีความพร้อม ในวันนี้ 15 ก.ค.เราจะเปิดพื้นที่ที่สองเกาะสมุย และหากการดำเนินงานของ sandbox ประสบความสำเร็จก็จะเชื่อมไปยังอยู่เกาะในจังหวัดกระบี่ ไร่เลย์ พีพี พังงา เกาะยาว เขาหลัก และในเดือนกันยายนเราจะขยายไปพื้นที่บกเช่น พัทยา เชียงใหม่ บุรีรัมย์ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน MotoGP 

 

ดังนั้นพื้นที่ไหนที่มีความพร้อมทั้งในเรื่องของการฉีดวัคซีน  และเชิงพื้นที่เราก็พร้อมที่จะเข้าไปทยอยเปิด sandboxด้วยความระมัดระวังบนพื้นฐานของความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยเป็นสิ่งสำคัญ”

อย่างไรก็ตามในช่วงการระบาดของโควิด สถานการณ์ทางการท่องเที่ยวจะยังคงขึ้นๆลงๆ แนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2564 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ก็ยังเป็นเรื่องของความเสี่ยงทั้งไวรัสกลายพันธุ์ที่รุนแรงมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาในการเดินทางทั้งคนไทยเดินทางในประเทศและต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศ  เรื่องของการกระจายวัคซีนที่ไม่ทันและแผนการส่งมอบวัคซีนล่าช้า 

 

ตัวเลขแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเดือนพฤษภาคมมีนักท่องเที่ยว ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของธุรกิจโรงแรม ซึ่งหากสถานการยังเป็นเช่นนี้หลายธุรกิจอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเรายังอยากจะมองโลกในแง่ดีว่าหากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี รวดเร็ว และกระจายวัคซีนตามแผน  คนไทยก็มั่นใจที่จะเดินทางได้อีกครั้งหนึ่ง

 

ในขณะเดียวกันในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่จำเป็นเปิดพร้อมกันทั้งหมด พื้นที่ไหนพร้อม สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ก่อน คาดว่าจะเริ่มเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาอย่างมีนัยยะสำคัญประมาณไตรมาส 4 ปีนี้

“เราตั้งเป้าสร้างรายได้ของปีนี้ในส่วนของนักท่องเที่ยวในประเทศ 90 ล้านคน/ครั้ง และ 100 ล้านคน/ครั้งในปี2565 และในช่วงระยะสำคัญช่วงไตรมาส 4 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามา 300 ล้านคน สร้างรายได้8.5แสนล้านบาท

 

เราอยากเห็นปีหน้าเป็นปีที่ดีขึ้น เราคิดว่าปีหน้าเราตั้งเป้า 2.5 ล้านล้านบาท มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาด โฟกัสและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ช่วงที่ผ่านมาการท่องเที่ยว เราทำใน 3 เรื่องคือ 1 Top of mind ทำให้ประเทศไทยยังอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวตลอดเวลา  2 ทำงานร่วมกับ partner เราเชื่อว่ายังไงนักท่องเที่ยวก็ต้องกลับมา แต่ถ้าเราไม่มีพันธมิตรการที่จะบรรลุเป้าหมายก็คงยาก และ 3 คู่แข่งที่พร้อมจะดึงนักท่องเที่ยวกลับไป”

 

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่าทิศทางการส่งเสริมท่องเที่ยวหลังโควิด ตามนโยบายรัฐบาลจะเปลี่ยนไป ต้องมองจุดแข็งของประเทศไทยที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด เช่นเรื่อง wellness หรือ ความสวยงามของธรรมชาติที่กลับมา ซึ่งจะกลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน ประเทศไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลก หากสถานการณ์ต่างประเทศอนุญาตให้เดินทางนอกประเทศได้ เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นที่ 1 แน่นอนในเรื่องของการท่องเที่ยว