‘ภูตะวัน’ปรับแผน รุกตลาดออแกนิคใน-ต่างประเทศ        

06 ก.ค. 2564 | 11:12 น.

“ภูตะวัน” เดินหน้าสยายปีกผลิตภัณฑ์ออแกนิค ปรับกลยุทธ์รีไซส์ช็อป หันเจาะช่องทางออนไลน์ พร้อมปั้นแบรนด์น้องใหม่ “intree” ดักลูกค้านิวนอร์มอล เล็งขยายตลาดออนไลน์-ออฟไลน์จีน

นายฉัตรชัย วงศ์มานะโรจน์ศรี ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูตะวัน เฮิร์บ แอนด์ คอสเมติค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์ “ภูตะวัน” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังประสบความสำเร็จจากการสร้างแบรนด์ “ภูตะวัน” ผลิตภัณฑ์ออแกนิคจากสมุนไพรทั้ง 7 หมวด

 

อาทิ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เช่น สบู่ ฯลฯ , น้ำมันหอมระเหย ฯลฯ จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยฐานลูกค้า 80% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอีก 20% เป็นลูกค้าคนไทย ขณะที่การจัดจำหน่ายจะมีผ่านหน้าร้าน ซึ่งมีช็อปตั้งอยู่ในแหล่งธุรกิจและชุมชน อาทิ จตุจักร สมุย ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ

‘ภูตะวัน’ปรับแผน รุกตลาดออแกนิคใน-ต่างประเทศ        

โดยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะมาจากการนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย 70% และส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ 30% โดยมีร้านสาขาใน 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ฮ่องกง อุซเบกิส-ถาน ออสเตรีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆกว่า 17 ประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

                                                            

อย่างไรก็ดี จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการทำตลาด โดยหันมารุกธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นโดยตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้มียอดขายเติบโต 200% พร้อมขยายพันธมิตรในมาร์เก็ตเพลสต่างๆ

 

นอกจากนี้ยังปรับลดสาขาและลดขนาดสาขาลงจากเดิมที่มีทั้งหมด 22 สาขาเหลือเพียง 18 สาขา ขณะเดียวกันก็ปรับขนาดร้านให้เล็กลงจากเดิมที่เป็นช็อป บางสาขาปรับเป็นคีออส เน้นการทำเสนอสินค้าที่ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น

 

“การนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จะเน้นหลากหลายและครอบคลุมคิดเป็นสัดส่วน 80% ของสินค้าทั้งหมด ขณะที่สินค้าอีก 20% ซึ่งจะเป็นสินค้าขายดีจะถูกนำไปอยู่ในช้อปซึ่งปัจจุบันจะปรับรูปแบบจากเดิมที่เป็นช้อปขนาด 20-40 ตร.ม. ลดลงเหลือเป็นรูปแบบคีออส ขนาด 3-5 ตร.ม. ทำให้ลดต้นทุนไปได้ 60-70%”

ฉัตรชัย วงศ์มานะโรจน์ศรี
 

นอกจากนี้บริษัทจะรุกการทำตลาดในรูปแบบ B2B มากขึ้นโดยเน้นขยายกลุ่มลูกค้าห้างสรรพสินค้า, โรงแรม , สปา เป็นต้น ทั้งในรูปแบบของการจำหน่ายปลีกและการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับ OEM ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ บริษัทมุ่งขยายตลาดในเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีนและเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมาตลาดจีนให้ความสนใจกลุ่มคอสเมติกและเครื่องหอม (น้ำมันหอมระเหย) เป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทมีแผนขยายผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน ทั้งในรูปแบบการค้าปลีกและ B2B โดยเน้นจำหน่ายทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เช่น TMall เป็นต้น

 

ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “อินทรี” (intree : Organic mountain) ผลิตภัณฑ์จากออแกนิคอาทิ แชมพูและคอนดิชั่นเนอร์, ชาวเวอร์เจล, บอดี้สครับ, โซฟบาร์ และครีมบำรุงผิว มีระดับราคา 120 - 480 บาท เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงอายุ 25-35 ปี เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทย 60% และต่างชาติ 40%

 

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 120 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดขายทรงตัว ขณะที่ในปี 2565 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 180 ล้านบาท หลังจากที่ขยายและรุกตลาดจีนเพิ่มขึ้น 

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,693 วันที่ 4 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564