เปิดพื้นที่ Sealed Route 5 จังหวัดรับ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’

21 พ.ค. 2564 | 05:40 น.

เปิดพื้นที่ใน 5 จังหวัดทำเป็น Sealed Route รับ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว ออกจากภูเก็ตมาเที่ยวต่อได้ ตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้ ก่อนจะดีเดย์ 1 ต.ค.นี้ เปิด 10 จังหวัด ให้มาเที่ยวได้ไม่ต้องกักตัวในทุกพื้นที่

นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโด๊สแล้วมาเที่ยวไทยได้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ระยะ ระยะที่1 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ไทยต้องกลับมาใช้วันกักตัว 14 วันตามที่ศบค.กำหนดไปก่อน จากเดิมที่จะลดวันกัดตัวลง7วันสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว เพื่อคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้ได้ก่อน จากนั้นก็คงจะมีการผ่อนคลายลง

ส่วนระยะที่ 2 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเปิดรับต่างชาติฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่จ.ภูเก็ต ภายใต้โมเดล ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์Phuket Tourism Sandbox ที่ตอนนี้รัฐบาลมุ่งไปสู่จุดนี้ร่วมกันแล้ว

ทั้งนี้การเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์นั้น วางเกณฑ์ไว้ว่าในช่วง1ก.ค.-30 ก.ย. 64 นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจะเข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้ ต้องเข้ามาเป็นกรุ๊ปก่อน ซึ่งจะมีบริษัททัวร์จากต่างประเทศขายเข้ามา เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมได้ ในช่วงที่ไทยเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19

โดยจะมีกำหนดว่าหลักเกณฑ์ในการเดินทางเข้ามาว่าจะต้องระบุว่านักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาเที่ยวภูเก็ต แล้วจะเดินทางต่อไปที่ใดอีกบ้าง ซึ่งไทยจะมีกำหนดบางพื้นที่ทำเป็น Sealed Route ให้นักท่องเที่ยวเชื่อมจากภูเก็ตเข้าไปเที่ยวได้ ที่จะกำหนดไว้ในบางพื้นที่ ใน 5 จังหวัด

ได้แก่ 1. จังหวัดกระบี่ ให้เที่ยวได้ที่ ไร่เลย์,เกาะพีพี,เกาะไหง,เกาะลันตา,หนองทะเล 2.จังหวัดพังงา เฉพาะเขาหลัก 3.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะที่เกาะสมุย,เกาะเต่า, เกาะพะงัน 4.จังหวัดชลบุรี (เฉพาะพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียงอีก 5 เทศบาล) และ5.จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นพื้นที่ใด เพราะทางสมาคมท่องเที่ยวจ.เชียงใหม่จะต้องนำเสนอขึ้นมา

เปิดพื้นที่ Sealed Route 5 จังหวัดรับ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’

“จุดที่เราเลือกทำเป็น Sealed Route ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเลือกเฉพาะพื้นที่ ซึ่งอยู่บนเกาะ และไกลจากตัวเมือง จะไม่มีพื้นที่ในเมืองเลย แต่หลังจาก 1 ตุลาคม 2564 ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่การเปิดประเทศระยะที่3 คือ จะเปิดให้จังหวัดอื่นๆในพื้นที่นำร่องเหล่านี้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้าไปเที่ยวได้ในทุกพื้นที่ของจังหวัดโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะมีทั้งหมด 10 จังหวัด”

โดยกระทรวงยังคาดว่าประเทศไทยในปีนี้น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3-4 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวมทั้งหมดราว 8.5 แสนล้านบาท

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ใน 10 จังหวัดที่วางไว้ในปีนี้ ได้แก่ 1.ภูเก็ต 2. กระบี่ 3.พังงา 4.สุราษฎร์ธานี 5.เชียงใหม่ 6.ชลบุรี 7.บุรีรัมย์  8.เพชรบุรี 9.ประจวบคีรีขันธ์ และ10.กรุงเทพฯ โดยใน 10 จังหวัดนี้จะต้องใช้วัคซีนอยู่ไม่น่าจะเกิน32 ล้านโดส เพื่อฉีดให้คนในพื้นที่คิดเป็นสัดส่วน 70% หรือไม่น่าจะเกิน 16 ล้านคน ซึ่งก็จะมีการเสนอให้ทางศบค.พิจารณา เพื่อจัดสรรการฉีดวัคซีนในพื้นที่เหล่านี้ต่อไป

อย่างไรก็ตามการที่เพิ่มจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าไปด้วย เนื่องจากในช่วงวันที่ 6 ตุลาคม2564 จะมีการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งเป็นอีเว้นท์สำคัญโดยในปี 62 มีเข้าร่วมชม 2.6 แสนคนในจำนวนนี้ 4.3 หมื่นคนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วน 22% การเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวได้โดยไม่กักตัวก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้

ส่วนในปีหน้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2565 ก็จะเป็นการเปิดประเทศในระยะที่ 4 ที่จะเปิดประเทศรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาเที่ยวที่ไหนก็ได้ในทุกพื้นที่ทั่วไทยโดยไม่ต้องกักตัวต่อไป เพราะกว่าจะถึงตอนนั้นคนไทยก็จะได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว เนื่องจากในขณะนี้นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะมีวีคซีนเข้ามาถึง 150 ล้านโดสภายในปีนี้

นอกจากนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติในเดือนหน้า ผมก็จะนำเสนอเรื่องแนวทางการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูท่องเที่ยว ที่ตามกฎหมายอนุญาตให้เก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 300 บาทต่อคนเข้ากองทุน เพื่อนำไปใช้การฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2565 นี้คาดว่าจะได้เงินเข้ามาราว 6-7 พันล้านบาทต่อปี

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,678 วันที่ 13 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ข่าวเกี่ยวข้อง: